นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงท่าทีไทยต่อสถานการณ์ในเมียนมา อยากขอให้ทางการเมียนมาใช้ความอดทนในการดำเนินการและคลี่คลายสถานการณ์ พร้อมทั้งให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุม และให้ทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกันผ่านการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์โดยเร็ว ซึ่งในส่วนของไทยกำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับต่างประเทศ เพื่อให้เมียนมากลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว

สำหรับกรณีที่มีผู้หนีภัยความไม่สงบเข้ามาในประเทศไทยนั้น ยืนยันว่า ไทยได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมขอให้มั่นใจว่าไทยมีประสบการณ์ในการรับมือ รวมทั้งบริหารจัดการให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนเตรียมพื้นที่ในการอพยพ และนำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล

ซึ่งขณะนี้มีผู้อพยพเข้ามาในประเทศไทยทาง จ.แม่ฮ่องสอน ของกลุ่มชาวกะเหรี่ยง ทั้งสิ้น 2,788 คน มีผู้แสดงความจำนงขอกลับประเทศแล้ว 2,572 ยังเหลือเพียงกลุ่มเด็ก สตรี และคนชรา จำนวน 216 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564) และไทยไม่มีนโยบายในการผลักดันผู้อพยพอย่างแน่นอน

โดยจะต้องดูแลตามหลักสิทธิมนุษยธรรม พร้อมย้ำว่า ผู้ที่เดินทางกลับไปเป็นการเดินทางด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่การผลักดัน และเรื่องนี้หน่วยงานความมั่นคงได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ยืนยันดูแล้วตามหลักมนุษยธรรม

ด้านพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหาดไทย ยืนยันพื้นที่ตามแนวชายแดนไทยเมียนมา โดยผู้ว่าราชการจังหวัด มีแผนรองรับหากเกิดการอพยพของชาวเมียนมาไว้แล้ว โดยขั้นต้นก็จะเป็นการจัดพื้นที่อาศัย อาหาร รวมถึงจัดโซนคัดกรองโควิด

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นต้องอพยพคนไทยกลับประเทศ แต่มีคำสั่งเตรียมเครื่องบิน C-130 พร้อมแล้ว หากมีความจำเป็น นายกฯ ยังกล่าวว่า ขอให้แยกเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม เพราะถือว่าเป็นคนละเรื่องทั้งหมด โดยไทยและเมียนมาถือเป็นคู่ค้ากันมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นหลายอย่างมีทั้งดีและไม่ดี

ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ ในเรื่องของการดูแลผู้อพยพ ที่มีภาระหน้าที่ผูกพันกันมาอย่างยาวนาน และวันนี้ต้องมีความระมัดระวังอย่างที่สุด อย่างไรก็ตามไทยมีความพร้อม อย่างแรกก็คือการมีมนุษยธรรม ใครบาดเจ็บ ก็ดูแลรักษาให้