สถานการณ์ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารในเมียนมา ล่าสุด ยอดเสียชีวิตเพิ่มมากกว่า 500 คนเเล้ว ขณะที่ประชาชนยังคงเดินหน้าประท้วงต่อเนื่อง และวันที่ 31 มี.ค. จะมีการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อหาทางออกปัญหาความรุนแรงในเมียนมา

สมาคมช่วยเหลือนักโทษทางการเมือง หรือ AAPP เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตแล้วไม่น้อยกว่า 510 คน เเละคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากชาวเมียนมา ยังคงออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐประหารต่อเนื่อง

โดยเมื่อวานนี้ มีภาพที่กลุ่มผู้ชุมนุมในนครย่างกุ้ง ถูกกองกำลังรักษาความมั่นคงของเมียนมา ยิงอาร์พีจี ใส่ผู้ชุมนุมที่ตั้งแนวอยู่หลังบังเกอร์ บนถนนสายหนึ่งในย่านดากองใต้ ทำให้ผู้ชุมนุม พากันวิ่งหนีตาย นอกจากนี้ยังมีการใช้อาวุธปืนอัตโนมัติ และกระสุนจริงกับผู้ประท้วงด้วย

นอกจากนี้ สำนักข่าว AP ยังเผยแพร่ภาพของกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธ บุกเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ในย่านธาเกตา (Thaketa) ของนครย่างกุ้ง และพยายามทุบประตูรั้วพร้อมกับตะโกน เพื่อบังคับให้คนที่อยู่ด้านในบ้านออกมาข้างนอก ขณะเดียวกัน ก็มีเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งพยายามสอดส่อง เพื่อดูว่ามีประชาชนบันทึกภาพไว้หรือไม่

สถานการณ์ในพื้นที่ของรัฐกะเหรี่ยง ก็ยังคงน่าเป็นห่วง หลังจากที่กองทัพเมียนมา เปิดฉากโจมตีทางอากาศเพื่อตอบโต้ ที่กองกำลังของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU บุกยึดฐานทัพของกองทัพเมียนมา จนทำให้ทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 10 นาย ก็ทำให้ประชาชนชาวกะเหรี่ยงจำนวนมาก ต่างพากันหลบหนีเข้าไปอาศัยอยู่ในป่าเพื่อความปลอดภัย

ส่วนปฏิกิริยาของนานาชาติ เมื่อวานนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับเมียนมา ที่เคยลงนามกันไว้เมื่อปี 2013 พร้อมกับระบุว่า จะกลับมาฟื้นฟูความร่วมมือกันอีกครั้ง เมื่อเมียนมากลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

ขณะที่จีนและรัสเซีย หนึ่งในสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ซึ่งเคยคัดค้านการออกแถลงการณ์ ประณามกองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารก่อนหน้านี้ ได้เริ่มแสดงความวิตกกังวลกับเหตุรุนแรงในเมียนมาที่ทำให้พลเรือนเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งในวันที่ 31 มี.ค. 15 ชาติสมาชิกในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จะร่วมประชุมนัดพิเศษ เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับวิกฤตทางการเมืองในเมียนมา