แม้ว่าจะเกิดการปราบปรามอย่างรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด แต่วันนี้ยังคงมีชาวเมียนมาออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐประหารกันทั่วทุกเมืองเหมือนเช่นเคย โดยที่นครย่างกุ้ง มีผู้ชุมนุม ออกมาเดินขบวนบนท้องถนน ผ่านย่านที่พักอาศัย ซึ่งการเดินขบวนสิ้นสุดลงอย่างสงบโดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เช่นเดียวกับที่เมืองทวาย กลุ่มครูและวิศวกรประมาณ 40 คน ออกมาเดินขบวนถือธงและป้ายประท้วง เรียกร้องให้รัฐบาลกองทัพคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน แม้ว่าที่เมืองนี้ จะมีข่าวลือออกมาว่าตำรวจได้รับคำสั่งให้สามารถยิงผู้ชุมนุมได้ก็ตาม

ย้อนกลับไป วันที่ 27 มี.ค. กองทัพเมียนมาได้จัดพิธีสวนสนามครบรอบ 76 ปี กองทัพเมียนมา ในวันกองทัพ แม้ว่าชาติตะวันตกจะออกมาประณาม แต่ยังมีบางประเทศส่งตัวแทนเข้าร่วมงานทั้งหมด 8 ประเทศ และเมื่อวานนี้ก็ถือว่าเมียนมาเกิดการนองเลือดมากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง หลังจากมีผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิตอย่างน้อย 114 คน โดยตัวเลขนี้อ้างอิงจากสื่อท้องถิ่น เมียนมา นาว (Myanmar now) ในจำนวนดังกล่าว ผู้เสียชีวิต 40 คน อยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งคนที่อายุน้อยที่สุดที่ถูกยิงเสียชีวิตคือ เด็กหญิงวัย 13 ปี เช่นเดียวกันกับย่างกุ้ง มีชาวเมียนมาเสียชีวิต 27 คน ทำให้ขณะนี้ ยอดผู้เสียชีวิต ตั้งแต่เกิดการรัฐประหารมีมากกว่า 440 คน

ทางด้านนานาชาติ ก็ออกมาประณามการเข่นฆ่าประชาชนของรัฐบาลกองทัพเมียนมา โดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกับชาติพันธมิตร รวมทั้งหมด 12 ประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วย สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนี, กรีซ, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, เกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักร ประณามการกระทำของกองทัพเมียนมา โดยย้ำว่าหน้าที่ของทหารคือการปกป้องประชาชนไม่ใช่การทำร้ายประชาชน และเรียกร้องให้กองทัพเมียนมา ยุติการใช้ความรุนแรงและเดินหน้าสร้างความเคารพและน่าเชื่อถือให้ประชาชนชาวเมียนมา

และบนเวทีการประกวดมิส แกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2020 (Miss Grand International 2020) ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ฮัน เล (Han Lay) มิสแกรนด์เมียนมา ได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา ที่มีชาวเมียนมาเสียชีวิตจากการที่กองทัพออกมาเข่นฆ่าประชาชน จำนวนหลายร้อยคน โดยเธอย้ำว่าเมียนมาต้องการความช่วยเหลือจากนานาชาติอย่างเร่งด่วนที่สุด