ในเวลาห่างกันไม่ถึง 1 สัปดาห์ สหรัฐฯต้องเผชิญกับเหตุกราดถึงยิง 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุด เกิดขึ้นที่เมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด้ ทำให้มีผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิต 10 คน จุดประเด็นให้หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้มีการปฎิรูปกฎหมายควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐฯให้เข้มงวดโดยเร็ว

แม้ว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา สถิติการเกิดเหตุกราดยิงในสหรัฐฯ ลดต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี แต่ปรากฎว่าเดือนนี้เพียงเดือนเดียว ชาวอเมริกัน ต้องเผชิญกับเหตุกราดยิงถึง 2 ครั้ง โดยเกิดห่างกันเพียง 6 วันเท่านั้น โดยครั้งแรกเกิดขึ้น ที่ร้านสปาและนวด 3 แห่ง ในนครแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน

ส่วนครั้งที่สอง เกิดขึ้นเมื่อจันทร์ที่ผ่านมา โดยมือปืน ซึ่งเป็นชายวัย 21 ปี ก่อเหตุบุกเข้าไปกราดยิงผู้คนไม่เหลือหน้า ภายในซูเปอร์มาร์เก็ต แห่งหนึ่งในเมืองโบล์เดอร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีตำรวจนายหนึ่ง ที่มาถึงที่เกิดเหตุคนแรก และยิงปะทะกับมือปืน จนเสียชีวิต

ขณะที่มือปืน ถูกจับกุม ทราบภายหลัง มีชื่อว่า อาห์เหม็ด อัล อาลีวี่ อลิสซา วัย 21 ปี อาศัยอยู่ในแถบชานเมืองเดนเวอร์ โดยซื้ออาวุธปืนไม่ถึง 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุ แต่มีรายงานจากญาติและครอบครัว ทราบว่า มือปืนมีปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งรวมถึงอาการหลงผิด ที่คิดว่ามีคนไล่ล่าและปองร้ายอยู่ตลอดเวลา

จากเหตุกราดยิงที่เมืองโบล์เดอร์ ทำให้สมาชิกพรรคเดโมแครต ออกมาพูดถึงการปฎิรูปกฎหมายควบคุมอาวุธปืนฯอีกครั้ง รวมทั้ง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้เรียกร้องวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมาย 2 ฉบับทันที เพื่ออุดช่องโหว่ระบบการตรวจเช็คที่ยังไม่รัดกุม เพื่อป้องกันไม่ให้อาวุธปืนตกอยู่ในบุคคลอันตราย โดยก่อนหน้านี้ สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายทั้งสองฉบับไปแล้ว เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งประธานาธิบดีไบเดน ย้ำว่า เขาไม่อยากจะเสียเวลาไปแม้สักนาทีเดียว เพื่อรักษาชีวิตของพลเรือนชาวอเมริกันให้ปลอดภัย

แต่ความเป็นจริงแล้ว มีความซับซ้อนมากกว่านั้น เพราะ วุฒิสภาฝั่งเดโมแครต ที่สนับสนุนควบคุมอาวุธปืน ยังไม่มีเสียมากพอที่จะทำให้ร่างกฎหมายผ่านฉลุยได้ เพราะจากสัดส่วนที่นั่งวุฒิสมาชิก ที่เป็นเดโมแครตและรีพับลิกันมี 50 ต่อ 50 เสียงเท่ากัน หากต้องการให้ร่างกฎหมายผ่าน เดโมแครตต้องได้เสียงสนับสนุนในสภาเกือบ 60 เสียง