ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐประหารในเมียนมา ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจีนในเมียนมาที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ชะตากรรมทางการเมือง ของนาง อองซาน ซูจี ส่อเค้ามืดมน หลังถูกตั้งข้อหาคอร์รัปชั่นเพิ่ม หวังสกัดไม่ให้กลับมาสู่เส้นทางการเมืองอีก

เมียนมา ประกาศกฎอัยการศึก ใน 6 เมืองของนครย่างกุ้ง และ อีกหลายพื้นที่ของเมือง มัณฑะเลย์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากชาวเมียนมา เผชิญกับอีกหนึ่งวันที่นองเลือดที่สุด นับตั้งแต่การก่อรัฐประหาร 1 กุมภาพันธ์ หลังกองกำลังรักษาความมั่นคง ยิงสลายการชุมนุมประท้วงในหลายเมือง ทำให้มีผู้เสียชีวิตในวันเดียว 39 คน โดยเฉพาะที่ เมือง ฮเลง ตาร์ ยาร์ ซึ่งเป็นย่านอุตสาหกรรม ชานนครย่างกุ้ง มีผู้เสียชีวิต 22 คน นอกจากนี้ มีรายงานการลอบวางเพลิงโรงงานชาวจีน กว่า 30 แห่งในพื้นที่ดังกล่าวด้วย คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย กว่า 240 ล้านหยวน หรือ กว่า 1 พัน 100 ล้านบาท

แม้ว่ายังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้ลอบวางเพลิงโรงงานของจีน แต่ สถานทูตจีนประจำเมียนมา เรียกร้อง เมียนมายุติความรุนแรง และขอให้ปกป้องทรัพย์สิน และ พนักงานบริษัทชาวจีนที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาด้วย กระแสต่อต้านจีนในเมียนมาเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางการตั้งข้อสังเกตว่า จีน ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจโลก ยังคงปิดปากเงียบ ไม่กล่าวประนามกองทัพเมียนมา เมื่อเทียบกับประเทศจากชาติตะวันตก ที่ต่างออกมาประนามการก่อรัฐประหาร และการใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วง จนถึงขณะนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเหตุประท้วงแล้วกว่า 200 คน

จากการประท้วงต่อต้านรัฐประหาร จนกลายเป็นเหตุนองเลือด ในหลายเมือง ซึ่งรวมถึง ฮเลง ตาร์ ยาร์ ชานนครย่างกุ้ง ได้สร้างความหวั่นกลัวให้กับประชาชนจำนวนมาก ต่างพากันขนสัมภาระ ขึ้นรถบรรทุก และรถโดยสารประจำทาง เพื่อออกนอกเมือง เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง จนถึงขณะนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากการสลายชุมนุมผู้ประท้วง แล้ว 183 คน นับตั้งแต่กองทัพก่อรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ส่วนโรงงานของนักลงทุนต่างชาติ ได้พากันแสดงตัวตนธงชาติอย่างชัดเจน เพราะเกรงตกเป็นเป้าโจมตี เหมือนกับโรงงานจีนถูกลอบวางเพลงก่อนหน้านี้

ขณะที่ชะตากรรมของนาง อ่อง ซาน ซูจี เผชิญข้อหาคอร์รัปชั่นเพิ่ม หลังจากสื่อท้องถิ่นเมียนมา เผยแพร่ คลิปวิดีโอนักธุรกิจชาวเมียนมาคนหนึ่ง กล่าวอ้างว่า เขาได้ให้เงินสดให้กับนางซูจี กว่า 5 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทนายของซูจี เผยว่าเป็นข้อมูลลอยๆ เพื่อให้มั่นใจว่า ซูจี จะไม่สามารถกลับมาสู่เส้นทางการเมืองได้อีก