สุดสลด เด็กชายวัย 15 ปี ไปเข้าค่ายลูกเสือแล้วกลับบ้านผิดเวลา แม่เห็นท่าไม่ดีแจ้งตำรวจช่วยตามหา สุดท้ายพบเป็นศพจมบ่อน้ำที่ใช้เป็นฐานเข้าค่าย ร่ำไห้ เตรียมเอาเรื่องคนที่ทำให้ลูกตายให้ถึงที่สุด

เหตุเกิดที่หนองน้ำลึก 3 เมตร หลังวัดบ้านนาค้อ ตำบลกุดโดน อำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ สถานที่จัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ ของโรงเรียนนาค้อวิทยา ผู้เสียชีวิตคือ ด.ช.ทองนพเก้า หรือ น้องปอนด์ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 จมหายไปขณะทำกิจกรรมตั้งแต่บ่าย 2 แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น กระทั่งแม่มาตามหาลูกที่กลับบ้านผิดเวลา กว่าจะเริ่มหาในหนองน้ำตอน 1 ทุ่ม ผ่านไป 4 ชั่วโมง จึงพบร่างของน้องในเวลา 5 ทุ่ม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา

นางบัวชื่น สีทา อายุ 48 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต บอกว่า บ้านของตนอยู่ใกล้หนองน้ำ ตลอดทั้งวันได้ยินเสียงครูเป่านกหวีด ทำกิจกรรมกับเด็ก ซึ่งตอนกลางวันลูกยังกลับบ้านมาครั้งหนึ่ง ก่อนกลับไปทำกิจกรรมต่อในช่วงบ่าย ช่วงเลิกกิจกรรม ได้ยินเสียงครูประกาศว่า ให้เด็ก ๆ ช่วยกันเก็บเตนท์ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน ผ่านไป 20 นาที ลูกชายก็ยังไม่ถึงบ้าน ทั้งที่บ้านอยู่ใกล้กับหนองน้ำ ห่างกันแค่ 250 เมตร

จึงไปถามครูที่โรงเรียน ตอนแรกครูบอกว่า เห็นลูกชายช่วยครูเก็บโต๊ะเก็บเต๊นท์หลังเลิกกิจกรรม หรือไปฉลองกับเพื่อน ๆ แล้ว ตนจึงขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามหาลูกชายตามบ้านเพื่อน แต่ไม่มีใครเห็นลูกชาย ตนจึงกลับมาที่โรงเรียนอีกครั้ง ถามว่า เห็นลูกชายช่วยเก็บของจริงหรือ คราวนี้ครูบอกว่าไม่เห็น จึงขอให้ครูช่วยตามหา เพราะปกติไม่เคยเหลวไหล เลิกเรียนก็กลับบ้านตรงเวลาตลอด ซึ่งครูก็ไม่ช่วยตามหา โดยนั่งดื่มสุรากันอยู่ ตนเองและญาติ ๆ ต้องไปตามหากันเอง แต่ก็ไม่เจอ จึงตัดสินใจกลับมาหาครูเป็นครั้งที่ 3 พร้อมบอกว่า นี่ครูไม่คิดจะช่วยตามหาเด็กจริง ๆ หรอ ก็มีครูคนหนึ่งในวงเหล้าพูดขึ้นมาว่า "จะให้ไปช่วยตามหาที่ไหน"

ทำให้ญาติ ๆ ไม่พอใจ ต่อว่าครูไป วงเหล้าจึงแตก การตามหาลูกชายจึงเริ่มขึ้น มีการไปแจ้งตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก กระทั่งไปเจอรองเท้าแตะน้องปอนด์ถอดอยู่ใต้ต้นไม้ริมหนองน้ำ จึงเชื่อว่าลูกชายน่าจะยังอยู่ในน้ำ และเจ้าหน้าที่ก็พบศพลูกในน้ำจริง ๆ โดยเพื่อนของลูกบอกว่า ตอนครูให้ลงน้ำ ปอนด์บอกครูว่า ว่ายน้ำไม่เป็น แต่ครูบอกว่า ยังไงก็ต้องร่วมกิจกรรม ซึ่งลูกเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน กลัวว่าจะเรียนไม่จบ จึงยอมเข้าฐาน แต่เดิมลูกตั้งใจว่า หลังจบ ม.3 จะออกมาช่วยพ่อแม่ทำการเกษตร สุดท้ายก็มาเสียชีวิตไปก่อน

การเข้าค่ายลูกเสือไม่ควรที่จะต้องไปลงน้ำ มุดน้ำ โดยเฉพาะคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น กลับถูกบังคับ เท่าที่ทราบโรงเรียนไม่ได้เตรียมความพร้อมเรื่องอุปกรณ์ป้องกัน หรืออุปกรณ์ช่วยเหลือ เสียใจที่ต้องมาเสียลูกไปอย่างกะทันหัน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งตรวจสอบและให้ดำเนินการอย่างถึงที่สุด เพราะความสูญเสียนี้ เกิดจากความประมาทของครูผู้ควบคุมกิจกรรม

นายสุนทรา กุลาสา ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า โรงเรียนจัดกิจกรรมลูกเสือที่นี่เป็นประจำทุกปี โดยแบ่งเป็น 6 ฐาน มีครูควบคุมดูแลฐาน ฐานละ 2 คน แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 13-15 คน ซึ่งฐานที่เกิดเหตุ เป็นฐานสุดท้าย ได้ให้นักเรียนลงไปในน้ำ เพื่อล้างเนื้อล้างตัว คาดว่า ไม่มีใครสังเกตเห็น ด.ช.ทองนพเก้า ประกอบกับตอนเช้ามีนักเรียน 1 คน ไม่เข้าร่วมกิจกรรม แต่กลับมาเข้าร่วมในช่วงบ่าย ทำให้ครูผู้ควบคุมเช็คจำนวนนักเรียน หลังขึ้นมาจากหนองน้ำ พบว่า ครบตามจำนวน จึงไม่ได้เอะใจ เรื่องที่เกิดขึ้นทางโรงเรียนและคณะครูรู้สึกเสียใจอย่างมาก ยืนยันว่า ไม่ได้บังคับเด็กให้ลงไปในน้ำ

ทีมข่าวได้พูดคุยกับเด็กที่โรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของน้องปอนด์ ได้ส่งคลิปขณะทำกิจกรรมดังกล่าวให้ดู พร้อมบอกว่า เคยผ่านกิจกรรมเข้าค่ายมาแล้ว จะมี 2 ฐานที่ต้องลงน้ำ คือ ฐานบัวตูมบัวบาน กับฐานหนีภัยสงคราม

โดยฐานหนีภัยสงคราม ครูจะให้ทุกคนลงดำน้ำหนี หากใครหัวโผล่ขึ้นเหนือน้ำ ก็จะถูกครูนำขี้โคลนปาใส่ ซึ่งตามปกติ ครูจะให้ผู้ชายลงน้ำทุกคน ส่วนผู้หญิง หากเป็นประจำเดือนไม่ต้องลง เชื่อว่า น้องปอนด์ไม่กล้าปฏิเสธครู โดยโรงเรียนจัดกิจกรรมเข้าค่ายที่นี่ทุกปี ซึ่งครูจะนำเชือกมากั้นเขตน้ำลึก แต่ปีนี้ไม่มี

สำหรับหนองน้ำที่เกิดเหตุ เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ กว้างเท่ากับสนามฟุตบอล และลึกถึง 3 เมตร โดยจุดที่อยู่ใกล้กับตลิ่งจะตื้น ระดับน้ำอยู่ที่ 50 เซนติเมตร แต่ถ้าเดินห่างออกจากตลิ่งไปแค่ 3 เมตร ก็จะเริ่มมิดหัวแล้ว เชื่อว่า น้องปอนด์ที่ว่ายน้ำไม่เป็น อาจเสียหลักไปตรงจุดที่ลึก จนช่วยตัวเองไม่ได้

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวไปที่โรงเรียน พบว่า ครู และคณะกรรมการการศึกษา กำลังหารือเรื่องการเยียวยาครอบครัว การช่วยเหลืองานศพ พร้อมเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ครูที่รับผิดชอบคุมควบฐานที่เกิดเหตุ

ขณะที่ นายเชน อาจดวงดี รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 2 พร้อมนายประดิษฐ์ ฤทธิโคตร ศึกษาธิการจังหวัดกาฬสินธุ์ ไปที่บ้านของ ด.ช.ทองนพเก้า มอบเงิบช่วยเหลืองานศพ 5,000 บาท พร้อมจะระดมเงินช่วยเหลือครอบครัวอีกครั้ง เบื้องต้นทราบว่า เด็กไม่มีประกันชีวิต

ด้านตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก ระบุว่า จากนี้จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาสอบปากคำอย่างละเอียด พร้อมกับทีมสหวิชาชีพ เพื่อหาสาเหตุการจมน้ำ ว่าเกิดจากความประมาทหรืออุบัติเหตุ

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/SHDpqLn8qxo