แม้เมื่อวานจะมีคำยืนยันว่าวันนี้จะฉีดวัคซีนโควิด -19 ให้ แต่ล่าสุดนายกรัฐมนตรีลับต้องยกเลิกในนาทีสุดท้าย

เมื่อคืนที่ผ่านมา (11 มี.ค.) หลายชาติในทวีปยุโรป ประกาศระงับการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนก้า เนื่องจากพบผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิตจากลิ่มเลือดอุดตัน และมีอาการในลักษณะเดียวกันในผู้รับวัคซีนหลายราย

ทำให้มีกระแสข่าวตั้งแต่กลางดึกว่าจะเลื่อนฉีดวัคซีนให้ ครม. ในวันนี้ แต่ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ยังจัดห้อง และเตรียมวัคซีนใส่เข็มฉีดยารอไว้แล้ว

แต่ในช่วงเช้ากระทรวงสาธารณสุขได้เรียกประชุมผู้บริหารโดยด่วน และมีมติให้เลื่อนการฉีดออกไป เพื่อรอผลการสอบสวนจากทางยุโรป ทำให้ห้องที่เตรียมไว้ ไม่ได้ใช้งาน

โดยผู้บริหารกระทรวง และคณะแพทย์ ได้ร่วมกันแถลง โดยศาสตราจารย์คลีนิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงานการบริหารจีดการการให้วัคซีนโควิด -19 ระบุว่าที่ต้องเลื่อนเพราะพบผลข้างเคียงมี เลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำในผู้รับวัคซีน ที่ประเทศเดนมาร์ก จึงต้องนำข้อมูลนี้มาพิจารณาใหม่เพื่อความปลอดภัย

ทางด้าน ศาสตราจารย์ นพ.ยง ภู่วรวรรณ บอกว่ายังระบุไม่ได้ว่าอาการเกิดจากวัคซีนหรือไม่ เพราะจากการฉีดวัคซีน 3 ล้านคน พบอาการนี้ 22 คน หรือ คิดเป็น 7 คน ใน 1 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีเรื่องพันธุกรรมของคนยุโรปที่มีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้มากกว่าคนเอเชีย ส่วนวัคซีนของแอสตราเซเนกาใช้ที่ทางยุโรปและในไทยเป็นคนละรุ่นและผลิตต่างที่กัน โดยของไทยผลิตจากเกาหลีใต้

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่า การเลื่อนฉีดครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เสียความเชื่อมั่น แต่ถือเป็นเรื่องดีที่เราไม่ดื้อแพ่ง และยืนยันว่าไม่ทำให้โร้ดแม็พการฉีดวัคซีนเสียหาย

เช่นเดียวกับหลายประเทศในยุโรป ตัดสินใจระงับการใช้วัคซีนโควิด-19 ของ แอสตร้าเซเนก้า หลังพบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนจำนวนหนึ่งเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

โดย ออสเตรีย ,เดนมาร์ก , เอสโทเนีย , ลิทัวเนีย , ลักเซมเบิร์ก , ลัตเวีย ,อิตาลี รวมทั้ง นอร์เวย์ และ ไอซ์แลนด์ ได้ประกาศ ระงับการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของ แอสตร้าเซเนก้า ที่ร่วมพัฒนากับมหาวิทยาลัย อ๊อซฟอร์ด เป็นการชั่วคราว เนื่องจากวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัย หลังพบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หรือ Blood Clots หลังฉีดวัคซีน

โดยเฉพาะที่ เดนมาร์ก สั่งระงับการใช้วัคซีนดังกล่าว เป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากพบผู้เสียชีวิต 1 คน จากอาการลิ่มเลือดอุดตัน หลังได้รับวัคซีน

รายงานระบุว่า จากจำนวนผู้ได้รับวัคซีน 5 ล้านคน ในหลายประเทศของยุโรป พบว่า 30 คน มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้ผลิตวัคซีน และ องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป ต่างยืนยันถึงความปลอดภัยของวัคซีนดังกล่าว และระบุว่า ไม่พบผลข้างเคียง หรือ สิ่งบ่งชี้ว่า วัคซีนดังกล่าว เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน แต่ก็จะสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศที่เดินหน้าตามแผนเดิมใช้วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า อย่างอังกฤษ MHRA หน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยผลิตภัณท์ยาบอกว่า ไม่มีหลักฐานว่า วัคซีนของแอสตร้าเซเนก้า ทำให้เกิดความเสี่ยง อังกฤษเดินหน้ากระจายวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้ากว่า 11 ล้านโดสตามแผนเดิม

เช่นเดียวกับออสเตรเลีย ที่กระจายวัคซีนไปแล้ว 3 แสนโดส ก็ไม่มีแผนที่จะระงับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ส่วนฟิลิปปินส์บอกว่า ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดการฉีดวัคซีน และแม้แต่เกาหลีใต้ก็ยังคงเดินหน้าแผนฉีดวัคซีนกว่า 7 แสน 8 หมื่นโดส แม้ว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะพบผู้เสียชีวิต 8 คน หลังฉีดแอสตร้าเซเนก้าได้ไม่กี่วัน เพราะหลังจากการตรวจสอบแล้วพบว่า การเสียชีวิตดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน