ไทยประเมินหากวัคซีนโควิด-19 ได้ผล เตรียมแผนเปิดประเทศ พร้อมใช้มาตรการ "วัคซีนพาสปอร์ต" ในการจับคู่กลุ่มประเทศอื่นๆ

เช้าวันนี้ (8 มี.ค.) มีการประชุมคณะกรรมกาารโรคติดต่อแห่งชาติ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวในการประชุมว่า ขณะนี้การระบาดทั่วโลกถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลง ดังนั้น แนวทางต่อไปหลังมีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นคือไทยจะเริ่มเปิดประเทศ โดยอาจจะมีข้อกำหนดอย่างการเตรียมแนวทางจัดทำวัคซีนพาสปอร์ต หรือจับคู่กับกลุ่มประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้ว

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังยืนยันว่าวัคซีนจากซิโนแวคอีก 8 แสนโดสจะได้รับในเดือนนี้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันในช่วงบ่ายวันนี้ กรมควบคุมโรคจะรับรองวัคซีนของบริษัท แอสตร้าเซเนก้าจำนวน 117,000 โดส โดยจะเร่งตรวจคุณภาพรับรองรุ่นการผลิต เพื่อเตรียมฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย หลังจากที่นำเข้าตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. แต่เพิ่งจะได้รับการรับรองจาก อย.

ขณะที่วัคซีน 2 แสนโดส จากบริษัทซิโนแวค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขระบุว่าแจกจ่ายและฉีดไปแล้วประมาณ 3 หมื่นคน โดยแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนใน 2 แสนโดส จะจัดไว้เป็นเข็มที่สองของกลุ่มที่รับวัคซีนรอบแรกด้วย นั่นคือรอบนี้จะจัดฉีดได้ประมาณ1 แสนคน

อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดการกระจายวัคซีนถึงล่าช้า เพราะวัคซีนมาถึงตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.แต่วันนี้กลับกระจายไปต่างจังหวัดได้เพียง 116,000 โดส ทั้งๆที่การขนส่งก็ไม่น่าจะลำบากหรือใช้ขั้นตอนมาก นอกจากนี้ยังมีการฉีดไปเพียง 25,764 คนเท่านั้น ซึ่งเท่ากับ ประมาณ 10% ของจำนวนวัคซีนที่มาถึง

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/cgKMffmMvRg