วันนี้ (20 ก.พ.) ชาวออสเตรเลียหลายร้อยคนตามเมืองใหญ่ ๆ ได้ออกมาต่อต้านมาตรการของรัฐบาล ที่จะบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

การประท้วงมีขึ้นในหลายเมืองตั้งแต่ นครซิดนีย์ บริสเบน และเมลเบิร์น ผู้ประท้วงได้ถือป้ายต่อต้านการบังคับการฉีดวัคซีน โดยพวกเขาบอกว่า ร่างกายเป็นของเขา และประชาชนควรมีเสรีภาพว่าจะฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตาม การประท้วงส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ

ส่วนที่เมืองบริสเบน มีกิจกรรมที่หลากหลาย ในระหว่างการชุมนุมประท้วง ขณะที่ตำรวจจำนวนมากได้ถูกระดมเข้ามาคอยควบคุมสถานการณ์

การประท้วงมีขึ้นก่อนที่ออสเตรเลียจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในวันจันทร์นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีหลายรัฐที่เสนอให้ รัฐบาลออกมาตรการบังคับประชาชนให้ฉีดวัคซีน โดยเฉพาะผู้ที่จะเข้าไปในสถานที่เสี่ยง อย่างบ้านพักคนชรา ซึ่งก็มีประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วย

ในขณะที่ สหรัฐฯ หญิงชาวอเมริกัน 2 คนที่เมืองออรันโด้ (Orlando) รัฐฟลอริด้า ปลอมตัวเป็นคนแก่ เพื่อจะฉีดวัคซีนโควิด-19 หญิงสองคนนี้จริงๆแล้วอายุ 34 และ 44 ปี พวกเธอปลอมตัวเป็นคนสูงวัย ทั้งใส่หมวก ถุงมือและแว่นตา และเมื่อเจ้าหน้าที่จับได้ก็ตำหนิทั้งสองคนว่า ทำตัวแย่มาก เห็นแก่ตัว ขโมยวัคซีนคนอื่นที่เขามีความจำเป็นมากกว่า เจ้าหน้าที่ยังบอกด้วยว่า พวกเธอทั้งสองคนอาจถูกตั้งข้อหาบุกรุก ที่สำคัญการทำแบบนี้ก็เสียเวลาเปล่า เพราะทั้งคู่จะไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มที่สองด้วย และหากกลับมาทำแบยนี้อีกก็จะถูกจับกุม

โฆษกของที่ว่าการอำเภอ บอกว่า หญิงสองคนนี้ปลอมแปลงข้อมูล เพื่อจะได้รับวัคซีนตามระบบ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะฉีดให้กับผู้ที่อายุ 65 ปีเป็นต้นไป เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบว่า ทำไมระบบข้อมูลจึงมีช่องโหว่ เนื่องจากชื่อทั้งสองคนมีบันทึกในระบบ แต่วันเดือนปีเกิดไม่ตรง