ศึกซักฟอกรัฐบาลวันที่ 4 จี้ 'นายกฯ-รองนายกฯ' ประเด็นการโยกย้ายตำแหน่ง ตร.

เลือกตั้งและการเมือง

ศึกซักฟอกรัฐบาลวันที่ 4 จี้ 'นายกฯ-รองนายกฯ' ประเด็นการโยกย้ายตำแหน่ง ตร.

โดย weerawit_c

20 ก.พ. 2564

35 views

การอภิปรายวันนี้เริ่มต้น ที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ปล่อยให้กองทัพใช้งบประมาณจำนวนมากในการสร้างปฏิบัติการทางข้อมูลข่าวสาร หรือ ไอโอ เพื่อตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามสร้างความขัดแย้งในสังคม นอกจากนี้ยังมีการปล่อยปละละเลยให้สื่อในกำกับของรัฐใช้พื้นที่สื่อโจมตีใส่ร้าย พรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม โดยนายณัฐชา ได้นำข้อมูลหลักฐานที่มีการสั่งการให้กลุ่มไอโอ ทวิตข้อความในลักษณะเดียวกัน เพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม



โดย พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำว่า นายกรัฐมนตรี ไม่มีนโยบายสั่งการให้กองทัพ ไปทำการใส่ร้ายประชาชนให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังแตกแยก มีเพียงแต่ใช้เพื่อนำเสนอผลงานเพื่อไม่เกิดความเกลียดชังในสังคม แต่ยอมรับว่าปัจจุบันในโลกออนไลน์มีข้อความในลักษณะเป็นเท็จสร้างความเกลียดชังจำนวนมาก กระทบต่อสถาบันฯ จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องดูแลด้วย



ส่วนประเด็นที่ประท้วงมากที่สุด จนนาย รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล ต้องไปอภิปรายเพิ่มเติมนอกสภา โดยกล่าวหา พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีความเกี่ยวข้องโดยตรง ในการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะ เป็น ประธาน ก.ตร. แต่ทั้งสองกลับ ละเลยให้มีการซื้อขายตำแหน่ง โดยใช้ตั๋วแสดงเส้นสายจากนายตำรวจระดับสูง มีการทำเป็นหนังสือทางราชการขอสนับสนุนอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งมีการเปิดหลักฐาน ตั๋ว หลายชนิด เช่น ตั๋ว ผบ.ตร. ตั๋ว สร.1 ไปจนถึง ตั๋วช้าง ที่เปิดทางให้ตำรวจบางนาย ได้รับตำแหน่งระดับสูงอย่างรวดเร็ว โดยกล่าวอ้างคำว่า จิตอาสา แอบอ้างความจงรักภักดี และนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือในการหากิน



พลเอกประยุทธ์ ยืนยันว่า การโยกย้าย เป็นไปตามขั้นตอนของการพิจารณาตามกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ และ พรบ.ตำรวจ ปี 2547 เป็นไปตามหลักเกณฑ์ โดยยอมรับว่า มีการร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมบ้าง แต่ส่วนใหญ่ พอใจในภาพรวม เชื่อว่า คนที่ต้องเสียเงินเพราะถูกหลอกมากกว่า ส่วนตัวนายกรัฐมนตรีเองและพลเอกประวิตร ยืนยันได้ว่า ไม่มีเรียกรับประโยชน์ หรือหากินกับการแต่งตั้งโยกย้าย



นายกรัฐมนตรี ยังตอบโต้นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายเรื่องบ้าน 2 หลังว่านายกรัฐมนตรีได้ประโยชน์ ว่ายังไม่รู้ว่าหมู่บ้านนี้อยู่ตรงไหน เป็นบ้านของใคร ขอให้สังคมพิจารณาข้อมูลที่นำมาอภิปราย และระมัดระวังถูกฟ้องร้องด้วย ขณะที่ พลเอกประวิตร ลุกขึ้นชี้แจงภายหลังนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคปวงชนไทย กล่าวหาว่ารับของขวัญเป็นเหล็กไหล เกิน 3,000 บาท ไม่เป็นความจริงก่อนที่เดินออกจากห้องประชุมทันที



ด้านร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลุกขึ้นชี้แจงประเด็นที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ กรณีประกาศคณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน ลงวันที่ 28 ต.ค.63 ยอมรับว่ามีความจำเป็นจะต้องมีการเปลื่ยนแปลงแก้ไขระเบียบต่างๆ ให้มีความสอดคล้องกับบริบทความจริงใจปัจจุบัน ที่เปลื่ยนแปลงไป ซึ่งอนุญาตให้จัดสรรที่ดินกับ 3 กลุ่ม ทั้งเกษตรกร บุคคลทั่วไปที่สนับสนุนการปฏิรูปที่ดิน และส่วนราชการหรือเอกชนที่ไม่แสวงกำไรใช้ที่ดิน กิจการอื่นเพื่อสาธารณะและการศึกษา หรือความเป็นอยู่ของเกษตรกรในชุมชน



สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ทั้งหมด 10 คน ในส่วนนายกรัฐมนตรี มีฝ่ายค้านที่อภิปรายมากกว่า 19 คนและเกี่ยวเนื่องกับรัฐมนตรีคนอื่นๆอีกหลายประเด็น ที่ฝ่ายค้านจะยื่นเรื่อง ต่อ ปปช.ให้ตรวจสอบต่อไป ทั้งกรณีบ้านพักหลวง คดีทุจริตทำสัญญาลวงซื้อขายถุงมือยาง อคส.ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงคดีเหมืองทองอัครา และการเอื้อประโยชน์ที่ดินโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่กล่าวหา นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มีการจับตาไปถึงการปรับคณะรัฐมนตรี หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งในการลงมติ ฝ่ายรัฐบาล มีเสียง อยู่ 272 เสียง ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล มีอยู่ 210 เสียง ซึ่งต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่

คุณอาจสนใจ

Related News