ศึกซักฟอกวันที่ 2 ยังเดือดต่อเนื่อง ซัดรัฐบาลปมประเด็นการจัดหาวัคซีนโควิด-19

เลือกตั้งและการเมือง

ศึกซักฟอกวันที่ 2 ยังเดือดต่อเนื่อง ซัดรัฐบาลปมประเด็นการจัดหาวัคซีนโควิด-19

โดย weerawit_c

18 ก.พ. 2564

9 views

ประเด็นการจัดหาวัคซีนโควิด-19 กลายเป็นการอภิปรายที่ดุเดือดที่สุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในวันนี้ โดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลผิดพลาด กระจุกความหวังของประชาชนไว้เพียงเจ้าเดียว ขาดความโปร่งใส ขัดขวางกลไกการตรวจสอบ ทำให้การฉีดวัคซีนล่าช้า ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเสียหายวันละ 8,300 ล้านบาท รวมเดือนละ 2 แสน 5 หมื่นล้านบาท ทุกๆ หรือคิดเป็นชั่วโมงละ 347 ล้านบาท และตั้งคำถามว่าจะมีการฉีดวัคซีนได้เมื่อไหร่ เพราะผ่านเวลาที่เคยประกาศไว้ว่าจะได้ฉีดเข็มแรกแล้ว รวมทั้งการเสียโอกาสจากโครงการโคแวกซ์ แต่ไปกระจุกความเสี่ยงไว้ที่บริษัทเดียว และปกปอดข้อมูลที่ใช้งบประมาณสนับสนุนกว่า 600 ล้านบาท และการกำหนดที่จะให้วัคซีนกับผู้สูงอายุก่อน สวนทางกับหลายประเทศที่ให้ฉีดวัคซีนยี่ห้อนี้กับคนที่อายุ 29-40 ปี



นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงนายวิโรจน์ ยืนันว่าไทยสามารถแก้ปัญหาโควิดได้ดีกว่าหลายประเทศ และการจัดหาวัคซีน ได้มีแผนจัดหาตามกำหนดเวลา แต่เป็นห่วงว่าการพูดถึงวัคซีนมากๆอาจกลายเป็นปัญหาที่กระทบกับการส่งวัคซีนหรือไม่ จึงอยากให้ระมัดระวังในการเชื่อมโยงเป็นเรื่องการเมือง



นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจง ยืนยันว่าภายในเดือนกุมภาพันธุ์นี้ วัคซีนล็อตแรก 2 แสนโดสจะมาถึงไทย และจะฉีดให้เร็วที่สุด จากนั้นจะมีล็อตที่สอง อีก 8 แสนโดส ภายในเดือนมีนาคม วัคซีนล็อตที่ 2 อีก 8 แสนโดส วัคซีนล็อตที่ 3 อีก 1 ล้านโดส ในเดือนเมษายน และปลายเดือน พ.ค. หรือต้นเดือน มิ.ย.จะสามารถผลิตวัคซีนในประเทศไทย จึงควรชื่นชมที่มีการจัดหาวัคซีนได้ 63 ล้านโดสสำหรับคนไทย



ประเด็นเรื่องวัคซีน ยังทำให้ นายแพทย์ เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นำทีมมาแถลงข่าวนอกห้องประชุม โดยนพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ นำเอกสาร มายืนยันว่า ว่าวัคซีนจากบรษัทที่ไทยเลือกมีความเท่าเทียมกับยี่ห้ออื่น และมีผลวิจัยที่เหมาะกับผู้สูงอายุ และมีแผนที่จะได้ครบ 63 ล้านโดส แน่นอน



ขณะที่นายวิโรจน์ มาแถลงข่าวนอกห้องประชุม ตั้งข้อสังเกตถึงเอกสารจัดหาวัคซียนลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก่อนการอภิปรายเพียง 1 วัน จึงอยากให้เปิดเผยไทม์ไลน์อย่างชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าคนไทยจะได้รับวัคซีน



ขณะที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี ถึงความผิดพลาด บกพร่องในการแก้ปัญหาโควิด-19 ใช้งบประมาณเงินกู้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แบ่งแยกประชาชน ซึ่งตอกย้ำจากภาพของคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนไปยืนต่อคิวรับการเยียวยา การปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบแรงงานข้ามชาติเข้ามา เป็นต้นเหตุการระบาดโควิดระลอก 2



นอกจากนี้ยังมีประเด็นเหมืองทองคำอัครา ที่อภิปรายโดย นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ชี้ให้เห้นว่า การตัดสินใจใช้มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองทองคำอัครา และนำมาซึ่งการฟ้องร้องที่อาจทำให้รัฐเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า รัฐบาลต่อสู้ในสิ่งที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและความไม่ปลอดภัยด้านสุขภาพ ยืนยันว่าไม่ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไปปิดเหมืองทองอัครา แต่มีคำสั่งไปถึงทุกเหมืองในประเทศไทย ในการต่อสัมปทานจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามข้อเรียกร้องของประชาชน



ส่วนในช่วงค่ำ ฝ่ายค้านโดยนายยุทธพงศ์ จรัสสเถียร ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายโครงการสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่อภิปรายทั้งนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนายยุทธพงศ์ กล่าวหา นายกรัฐมนตรี ที่ขณะเป็นหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจ มาตรา 44 ที่อาจเอื้อประโยชน์เอกชน จนทำให้เกิดการผูกขาด และมีความพยายามทำนิติธรรมอำพราง จนทำให้เกิดความเสียหายได้ จึงเตรียมยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ



สำหรับการอภิปรายสองวันที่ผ่านมา คณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือ ทีมวอร์รูมนอกสภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ยังไม่พบความเสียหายด้านความผิดเกี่ยวกับการใช้วาจาอภิปรายจ้าบจ้วงสถาบันตามมาตรา 112 แต่มีกรณีการกระทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล โดยเฉพาะการใส่ร้ายป้ายสีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีบางคนให้เกิดความเสียหาย ซึ่งหลังจากนี้จะปรึกษาแต่ละบุคคลว่าจะให้พิจารณาเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อหรือไม่



ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ประเมินว่าฝ่ายค้านสอบตก ใช้ข้อมูลเก่า และรัฐบาล ชี้แจงได้ทุกประเด็น มั่นใจว่า จะได้รับการลงมติไว้วางใจทุกคน ซึ่งจากจำนวนเวลาและจำนวนคนที่อภิปราย คาดว่า จะเป็นไปตามกำหนดเวลา ที่จะลงมติได้ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์



ส่วนนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน พอใจการอภิปรายของฝ่ายค้าน ที่มั่นใจว่า มีหมัดเด็ดไว้น็อครัฐมนตรีอีกหลายคน และแม้จะแพ้โหวต แต่เชื่อว่า การอภิปรายจะส่งผลสะเทือนต่อพรรคร่วมรัฐบาล ที่อาจทำให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีได้



ส่วนบรรยากาศการประชุมที่ทำให้ถูกเรียกว่ามาแย่งซีนศึกอภิปราย คือกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดทำเหรียญทองคำ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งพบว่าสวมสร้อยคอทองคำด้วย จึงมีรายงานว่า ป.ป.ช.จะตรวจสอบ ทำให้นายสิระ มาชี้แจงว่าได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินแล้ว เป็นสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท จากทรัพย์สิน 500 กว่าล้านบาท และจัดทำเหรียญทองคำ มาสองรุ่น อีกรุ่น สลักชื่อ หลวงพ่อป้อม วัดป่ารอยต่อ เพื่อเป็นศิริมงคลให้แคล้วคลาดจากการอภิปราย เนื่องจากเคารพนับถือ พลเอกประวิตร เหมือนพ่อ

คุณอาจสนใจ

Related News