การชุมนุมต่อต้านรัฐประหารในเมียนมา ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 3 ซึ่งสถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะที่กรุงเนปิดอว์ มีการใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มีการประท้วงในอีกหลายเมือง ทั้งย่างกุ้งและมัณฑะเลย์

บรรยากาศในกรุงเนปิดอว์ ดูรุนแรงและมีความตึงเครียดมากที่สุด หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล เปิดฉากใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเคลื่อนไหวกันอย่างสงบ เพื่อคัดค้านการทำรัฐประหาร พร้อมกับเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว นางอองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และประธานาธิบดีวิน มินต์ 

ตามรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้รถฉีดน้ำสลายกลุ่มผู้ชุมนุม โดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมหลายคนถูกน้ำแรงดันสูงจนล้มลงไปกับพื้น และมีผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ดี ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นตามมา และกลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังคงเดินหน้าประท้วงต่อไป 

ขณะที่สถานการณ์ในนครย่างกุ้ง ผู้ชุมนุมหลายพันคน ซึ่งมีทั้งครู นักกฎหมาย พนักงานธนาคาร และเจ้าหน้าที่รัฐ ออกมาเดินขบวนไปตามท้องถนน มุ่งหน้าไปยังเจดีย์ซูเล่ 

ส่วนที่เมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ มีขบวนรถจักรยานยนต์ของกลุ่มผู้ชุมนุม เคลื่อนตัวไปตามท้องถนนภายในเมือง รวมถึง มีฝูงชนจำนวนมากออกมาเดินขบวน พากันตะโกนและถือป้ายข้อความ เพื่อเรียกร้องให้กองทัพ ปล่อยตัวนางซูจี และสมาชิกคนสำคัญของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ NLD 

ขณะเดียวกันในวันนี้ มาริส เพย์น (Maris Payne) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของออสเตรเลีย ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมา ปล่อยตัว ฌอน เทอร์เนลล์ (Sean Turnell) ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจชาวออสเตรเลีย ของนางซูจี ที่ถูกกองทัพเมียนมาจับกุมตัวไปตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา นายเทอร์เนลล์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสถาบันการพัฒนาเมียนมา ที่ตั้งอยู่ในกรุงเนปิดอว์ ซึ่งเขาทำงานและอาศัยอยู่ในเมียนมา มาตั้งแต่ปี 2017 

ล่าสุด ทางการเมียนมา ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกในเขตปกครองท้องถิ่นทั้งหมด 7 เขต ของเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และประกาศในเขตอิรวดี หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหลายพันคนออกมาประท้วง โดยห้ามประชาชนรวมตัวชุมนุม เกิน 5 คน และใช้มาตรการเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 20.00 - 04.00 น.