ประเทศเมียนมา สถานการณ์ขณะนี้กลายเป็นการประท้วงรุนแรง บานปลายใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 14 ปี แม้ว่ากองทัพจะตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต การสื่อสาร ก็ไม่สามารถห้ามประชาชนออกมาได้ 

มีภาพของประชาชนหลายหมื่นราย ในหลายเมือง ออกมาชุมนุมต้านรัฐประหาร เรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซานซูจี 

เป็นภาพบรรยากาศที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ในหลายเมืองที่นครย่างกุ้ง เมืองใหญ่สุดของเมียนมา ประชาชนพากันสวมเสื้อสีแดง โบกธงแดง ถือลูกโป่งแดง สีของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือ NLD ของอองซานซูจี ก็ออกมาชุมนุมกันอย่างกว้างขวางติดต่อกัน 

เมื่อวานนี้ (7 ก.พ.) เป็นวันที่สองที่การเคลื่อนไหวกันครั้งใหญ่ ฝูงชนจากเมืองย่างกุ้ง ได้รวมตัวกันเดินขบวน ไปที่มหาเจดีย์สุเล ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง จุดนี้เป็นจุดการชุมนุมสำคัญระหว่างการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุด ที่นำโดยพระสงฆ์ ตั้งแต่ปี 2007 ทำให้การชุมนุมครั้งนี้ถือเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ในรอบ 14 ปี แต่ละคนต่างชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว คนที่ขับรถต้องบีบแตร ชูรูปภาพของนางอองซานซูจี 

แม้ว่าจะมีการรวมตัวกัน แต่ก็ไม่ได้มีความรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด กลุ่มผู้ประท้วงต่างแยกย้ายกันกลับช่วงค่ำ พร้อมประกาศจะกลับลงสู่ท้องถนนอีกครั้งวันนี้ (8 ก.พ.) เวลา 10 โมงเช้า โดยเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ มีการประเมินด้วยว่า ที่กรุงเดปิดอว์มีผู้ชุมนุมประมาณพันราย ส่วนที่ย่างกุ้งมีประมาณ 6 หมื่นราย รวมถึงที่มัณฑะเลย เมืองใหญ่เป็นอันดับสอง มีรายงานข่าวระบุว่า มีผู้ออกมาประท้วงหลายหมื่นราย 

ขณะที่เมืองเนวาดีได้มีเสียงปืนดังขึ้น มีรายงานว่า ตำรวจเข้าปะทะกับผู้ประท้วงหลายร้อยราย แต่ไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ล่าสุดในช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ เครือข่ายมือถือบางแห่งได้กลับมาให้บริการอินเทอร์เน็ตได้แล้ว แต่แพลตฟอร์มโซเชียลยังถูกบล็อก ใช้การไม่ได้ ท่ามกลางการแถลงจาก UN ว่ามีผู้จับกุมมากกว่า 160 ราย นับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจ 

ขณะที่เมื่อวานนี้ โป๊ปฟรานซิสได้ตรัสถึงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในเมียนมา ออกมาวอนเมียนมา หาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติร่วมกัน