โฆษกรัฐบาลเผย บลูมเบิร์กจัดอันดับไทยเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่น่าสนใจที่สุด ขอฝ่ายค้านอย่านำตัวเลขดัชนีประชาธิปไตยของ EIU ที่ลดลง มาโจมตีรัฐบาล เพราะลดลงทั่วโลกจากพิษโควิด-19

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยปัจจุบันส่งผลดีขึ้น สภาวะเศรษฐกิจการคลังดีขึ้น ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยส่งออกโต 4.7% ต่อปี อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และจะปรับตัวดีขึ้นในปีนี้

ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ประเมินเศรษฐกิจไทย เป็นประเทศที่น่าสนใจอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ มีศักยภาพในการดึงดูดเม็ดเงิน และระบบสาธารณสุขอยู่ในระดับสูง

ขณะที่ดัชนีนวัตกรรม บลูมเบิร์ก รายงานว่า ไทยอยู่ในอันดับ 36 ดีขึ้น 4 อันดับ จากปี 2563 ได้คะแนนรวม 65.42 สะท้อนการใช้นวัตกรรมต่อสู้กับโควิด-19 และโครงสร้างพื้นฐานดิจิตอลที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย

ขณะที่ หน่วยงานที่วิเคราะห์เศรษฐกิจ ของ THE ECONOMIST หรือ EIU ซึ่งเป็นนิตยสารชื่อดังระดับโลก เผยดัชนีประชาธิปไตยของไทยอยู่ในอันดับที่ 73 ที่ 6.04 คะแนน ลดลงจากปีก่อน ทั้งนี้มีนักการเมืองได้มีบางกลุ่มนำตัวเลขนี้มาสร้างอคติกับรัฐบาล เป็นการนำข้อมูลไปไม่ครบถ้วน และไม่สร้างสรรค์ เพราะทั่วโลกคะแนนลดลงทั้งสิ้น เนื่องจากมีการประเมินคำตอบจากด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้ง วัฒนธรรมทางการเมือง เสรีภาพของประชาชน

ซึ่งดัชนีประชาธิปไตยนี้ลดลงทั่วโลกเพราะโควิด-19 เป็นสาเหตุสำคัญ เรื่องการล็อกดาวน์ทำให้เสรีภาพของประชาชนลดลง เช่นเดียวกับประเทศไทย ดังนั้นพรรคการเมืองฝ่ายค้านนำมาพูดโดยไม่นำพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ขอหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลที่เป็นอคติกับรัฐบาลด้วย

นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันแบดมินตันสากล ได้รับคำชื่นชมจากผู้เกี่ยวข้องจากวงการแบดมินตัน โดย ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ช่วยให้การจัดงานประสบความสำเร็จภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ประธาน IOC ได้ขอข้อมูลการจัดการแข่งขันเพื่อนำไปเป็นแบบอย่างในการจัดการแข่งขันโตเกียวเกมส์ที่ญี่ปุ่นด้วย