จับตา! บทลงโทษ จนท.ลักลอบขนแรงงานข้ามชาติ ต้นตอแพร่โควิด-19 พบเอาผิด ตร.เอี่ยวหลายสิบนาย

อาชญากรรม

จับตา! บทลงโทษ จนท.ลักลอบขนแรงงานข้ามชาติ ต้นตอแพร่โควิด-19 พบเอาผิด ตร.เอี่ยวหลายสิบนาย

โดย nicharee_m

30 ม.ค. 2564

130 views

ตามประกาศในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กำหนดบทลงโทษผู้เป็นต้นเหตุทำให้เกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะหลังจากพบการแพร่ระบาดรอบใหม่นี้ หลายฝ่ายก็จับตาไปที่บทลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปล่อยให้เกิดปัญหาขึ้นหลายแห่ง 


ซึ่งล่าสุด ข่าว 3 มิติ ตรวจสอบความคืบหน้า พบว่าขณะนี้ มีการดำเนินคดีกับตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวกับขนแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายแล้ว 37 นาย ส่วนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับบ่อนพนันยังไม่มีข้อสรุป ขณะที่กลุ่มจัดปาร์ตี้มีการจับกุมชาวต่างชาติด้วย ส่วนปาร์ตี้ที่โรงแรม 2 แห่งในกรุงเทพฯตำรวจอยู่ระหว่างตรวจกล้องวงจรปิด


หลายฝ่ายเรียกร้องให้เอาผิดผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดฉุกเฉิน ที่ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ลงโทษผู้ทำให้เกิดการระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 หลังจากมีผลบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉินมาแล้ว 23 วัน


ตั้งแต่กลุ่มแรกที่มีข่าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองทางฝั่งท่าขี้เหล็ก จากโรงแรมวันจีวัน ตำรวจ ตม.เชียงรายได้แจ้งข้อหากับกลุ่มที่ลักลอบเดินข้ามมาตามเส้นทางธรรมชาติจำนวน 16 ราย มีความผิดใน 3 ข้อหาคือหลบหนีเข้าเมือง พรบ.ควบคุมโรค และฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินโดยมีโทษปรับและโทษจำคุกให้รอลงอาญา ขณะที่อีกต้นเหตุหนึ่งก็มาจากขบวนการขนแรงงานเถื่อน 


พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สรุปผลการดำเนินคดีว่าส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจาก อ.แม่สอด จ.ตากและ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พบตํารวจที่มีส่วนพัวพันกับขบวนการขนแรงงานต่างด้าว มีทั้งชั้นสัญญาบัตรและชั้นประทวน ดําเนินคดีอาญา 6 นาย และทางวินัย 49 นาย 


ส่วนต้นต่อการระบาดของเชื้อโรคครั้งนี้ที่รัฐบาลสั่งให้ดำเนินการกลุ่มมัวสุมเปิดบ่อนการพนัน ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจเรตำรวจแห่งชาติ 


หลังจากย้ายผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค2 ไปศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.ระยอง จันทบุรี และตราด ไปศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค2 


ส่วนการพบตู้สล็อคถูกเคลื่อนย้ายจากพื้นที่ภาค2 ไปซ่อนที่โกดังใน จ.ขอนแก่น โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า พบ ตร.สภ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ขับรถนำรถสิบล้อที่ย้ายตู้สล็อค ตำรวจภูธรภาค3 ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว


ส่วนการจัดงานปาร์ตี้ ในส่วนของที่เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี มีการจับผู้ฝ่าฝืนและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ทั้งหมด 111 ราย นักท่องเที่ยวถูกส่งศาลสั่งปรับรายละ 4 พันบาท และโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 เดือน และที่ถูกจับตามองคือการจัดปาร์ตี้ ที่ รร.บันยันทรี และ รร.เรเนสซอง


ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ไปร่วมงานยินยอมเปิดเผยไทม์ไลน์แล้ว และทางโรงแรมก็ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งจะได้ทราบว่ามีผู้ใดร่วมอยู่ในงานปาร์ตี้บ้าง มั่วสุมเกินจำนวนหรือไม่ หรือเลิกงานตามกำหนดเวลาหรือไม่ โดยขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความเอาผิดใคร


สำหรับโทษหากฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินในสถานการณ์ควบคุมโรคจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท 

ผู้จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อผิด พรบ.ควบคุมโรค มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


โดยหลายฝ่ายจับตามองว่าจะมีบทลงโทษกับผู้ฝ่าฝืนทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคอย่างจริงจังหรือไม่

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ