กรณีการเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2 ราย โดยรายแรกนางบวน โล่ห์สุวรรณ อายุ 89 ปี ชาวบ้าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ถูกกรมบัญชีกลาง เรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุ รวมดอกเบี้ย เป็นจำนวนเงิน 84,000 บาท เนื่องจากรับบำนาญพิเศษ ภายหลังลูกชายเป็นทหารเสียชีวิตจากเหตุคลังแสงระเบิด

ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิจะต้องไม่เป็นผู้ได้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน

ส่วนรายที่ 2 หญิงวัย 56 ปี ชาว อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ได้รับหนังสือเรียกคืนเงินเงินเบี้ยผู้สูงอายุที่เคยจ่ายให้กับนางชู เณรแขก ผู้เป็นแม่ รวม 102,800 บาท ซึ่งปัจจุบันแม่เสียชีวิตไปแล้ว เคยรับเงินบำนาญพิเศษของลูกชายที่เป็นทหารประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก

ซึ่งเมื่อเรื่องราวเปิดเผยไป ทำให้มีเสียงวิจารณ์อย่างแพร่หลาย โดยส่วนใหญ่มองว่า เป็นความผิดพลาดของทางราชการ ที่ไม่ตรวจสอบสิทธิ์ให้ดี จนเกิดการจ่ายเงินซ้ำซ้อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับมีการทวงคืนภายหลัง

มีมุมทางกฎหมายจากนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักคดีอาญาธนบุรี ระบุว่า เป็นความไม่รอบคอบของหน่วยราชการ ไม่ตรวจสอบให้ละเอียด สุดท้ายโยนบาปให้ชาวบ้าน ซึ่งชอบผลักภาระให้คนอื่น ทั้งๆ ที่สามารถเข้าไปช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้ได้ หากทำได้ก็จบ ควรหาทางเยียวยาพิจารณาให้ครบทุกมิติ มองประโยชน์สูงสุดที่ชาวบ้านจะได้รับ ให้เลือกว่าจะรับสิทธิ์รับเงินประเภทใด ซึ่งง่ายมาก ดีกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกด่า

ส่วนกรณีลูกสาวจะต้องมารับภาระหนี้แทนแม่ที่เสียชีวิต ซึ่งตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้บอกไว้ชัดเจน โดยลูกในฐานะผู้รับมรดก ไม่ต้องรับภาระหนี้ในเรื่องนี้ เนื่องจากทายาทไม่ต้องรับผิดชอบเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่ตน หรือหากผู้เสียชีวิตมีหนี้สิน และไม่มีทรัพย์มรดกเลย ทายาทก็ไม่ต้องจ่ายหนี้สินนั้น

ด้าน ผศ.อุดม งามเมืองสกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ระบุว่า ผู้เสียหายไม่ต้องจ่ายเงินคืน เพราะกรณีนี้เป็นกรณี “ลาภมิควรได้” ซึ่งหน่วยงานทางปกครอง คือ อบต.จะต้องใช้สิทธิฟ้องเรียกร้องในทางแพ่ง ถือเป็นความบกพร่องในการตรวจสอบตรวจทาน เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ จึงต้องไปไล่เบี้ยกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อต่อไป

เช่นเดียวกับ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายจากกลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) โพสต์ระบุว่า กรณีนี้เข้าข่ายลาภมิควรได้ คุณยายไม่ต้องคืน ใครจ่ายไปก็รับผิดชอบเอง