วิสามัญ ลูกทาสยานรก คลั่งฆ่าหั่นศพแม่สยอง เผยแม่รักมาก ยอมให้ลูกทำร้าย ไม่เคยแจ้งความ

อาชญากรรม

วิสามัญ ลูกทาสยานรก คลั่งฆ่าหั่นศพแม่สยอง เผยแม่รักมาก ยอมให้ลูกทำร้าย ไม่เคยแจ้งความ

โดย

20 ม.ค. 2564

6.5K views

เกิดเหตุชายคลุ้มคลั่งเผาบ้านพักของตนเอง ภายในซอยบางพรม 54 แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไปถึงที่เกิดเหตุก็พบชายคนดังกล่าว ทราบชื่อคือนายนนทชัย กรานเคารพ หรือโอ๊ต อายุ 35 ปี กำลังอาละวาดใช้มีดพร้ายาวประมาณ 1 เมตร ทิ่มแทงหน้า เฉือนร่าง พยายามตัดข้อมือ ของนางสุรางค์รัตน์ จ้อยเจือ มารดา อายุ 62 ปี อยู่บริเวณหน้าห้องน้ำนอกบ้าน

โดยกู้ภัยได้ตะโกนบอก “ใจเย็น ๆ พอแล้วอย่าไปทำเขา” พร้อมบอกให้วางมีด แต่นายนนทชัยไม่ฟัง ยังใช้มีดพร้าแทงไปที่ใบหน้าและหั่นข้อมือ เฉือนลิ้นแม่ตัวเองอย่างโหดเหี้ยมและบ้าคลั่ง ถอดกางเกงแม่ตัวเองออกให้นอนเปลือยร่าง แล้วก็เดินถือลิ้นของแม่ที่เฉือนออกมา เดินวนรอบบ้าน

เจ้าหน้าที่จึงพยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมแต่ไม่เป็นผล นายนนทชัย พยายามใช้มีดข่มขู่จะทำร้าย เจ้าหน้าที่จึงฉีดน้ำแรงดันสูงที่เตรียมมาสำหรับดับไฟใส่ตัวผู้ก่อเหตุ จากนั้นนายนนทชัย ได้ปีนกำแพงข้างบ้านหลบหนีออกมา เดินแกว่งไปมา  โดย ร.ต.อ.ชูชาติ ลักษิตานนท์ รอง สว.จร.สน.บางเสาธง เข้าเจรจาพูดคุยให้วางมีด จนเจ้าตัวท่าทางสงบลงและค่อย ๆ วางมีด

แต่ขณะตำรวจจะเข้าไปควบคุมตัว กลับหยิบมีดแล้วพุ่งตรงเข้าหา ร.ต.อ.ชูชาติ ซึ่งจับปืนระวังตัวอยู่แล้วจึงยิงขู่ไป 2 นัด แต่นายนนทชัย ไม่หยุดยังหันมีดวิ่งตรงเข้าใส่จนเข้าระยะกระชั้นชิด จึงยิงปืนเข้าใส่อีก 5 นัด กระสุนเข้ากลางศีรษะ 1 นัด ไหปลาร้าขวา 3 นัด ล้มลงกับพื้นเสียชีวิตคาที่ โดยข้างศพยังพบลิ้น และกรอบรูปแม่ตัวเองตกอยู่ จึงประสานพนักงานสอบสวน เข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานที่เกิดเหตุ

จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบ้านหลังเกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบบริเวณบ้านข้าวของกระจัดกระจาย ข้าวภายในบ้านถูกเผาไหม้ทั้งหมด ส่วนแม่ของผู้ก่อหตุที่ถูกลูกชายแท้ ๆ ฆ่าอย่างทรมาน เสียเสียชีวิตสภาพถูกเลาะกรามตัดลิ้น กรีดอก ถูกจ้วงแทงบริเวณหน้าท้อง ใบหน้าถูกทุบและถูกของมีคมฟันจนเละ และมีลวดไม้แขวนเสื้อมัดรัดที่บริเวณใบหน้า ตามร่างกายมีร่องรอยถูกไฟเผา นอนหงายในสภาพเปลือยท่อนล่างสุดสยดสยอง

นางสาวศิริรัตน์ ลูกพี่ลูกน้องผู้ก่อเหตุ เล่าว่า นายนนทชัย ประกอบอาชีพวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง เสพยามาหลายปีและติดคุกมาโดยตลอด เมื่อออกมาก็มักจะเสพยาและมักจะมีอาการคลุ้มคลั่ง ทำร้ายร่างกายแม่ของตนเองบ่อยครั้ง และพยายามจะทำร้ายแม่ของตนด้วย

เคยไปแจ้งความที่ สน.บางเสาธง ก็ไม่เคยถูกจับกุม จนมาเช้าวานนี้ประมาณ 06.00 น. นายนนทชัย คลุ้มคลั่งอีกครั้ง ถือมีดไล่ทำร้ายคนตามถนน ญาติจึงแจ้งตำรวจ เมื่อสายตรวจมาถึงก็มีการพูดคุยกันก่อนที่สายตรวจจะกลับไปอ้างว่าไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าและอ้างว่านายนนทชัย แกล้งบ้า หลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที นายนนทชัยก็เผาบ้านตนเอง เมื่อชาวบ้านไปดูก็พบร่างของนางสุรางค์รัตน์ ถูกลากออกมาเสียชีวิตบริเวณหน้าบ้านแล้ว จึงพยายามดับไฟแต่ถูกนายนนทชัย ข่มขู่ ไม่ให้ดับไฟ

ด้านนายนพดล กรานเคารพ อายุ 38 ปี พี่ชายของผู้ก่อเหตุ เผยว่า บ้านหลังเกิดเหตุแม่อาศัยอยู่กับน้องชายเพียง 2 คน รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คาดว่าว่าน้องชายจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งจนลงก่อเหตุฆ่าแม่ โดยปกติแม่จะอยู่กับน้องชายตามลำพัง เพราะแม่เป็นห่วงน้องชายที่เป็นลูกคนสุดท้อง ตัวเองเคยเตือนและพยายามพาแม่ไปอยู่บ้านของตัวเองแต่แม่ก็หนีกลับมาเพราะเป็นห่วงน้องชาย

อาการคลุ้มคลั่งของน้องชาย เกิดจาก 2 ปีก่อน น้องชายถูกรถชน ต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองจนมีพฤติกรรมคล้ายคน 2 บุคลิก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คลุ้มคลั่งอาละวาดเป็นประจำ มีประวัติชอบแอบเสพยาเสพติด ส่วนสาเหตุการเผาบ้านและทำร้ายแม่จนเสียชีวิต น่าจะเกิดจากก่อนหน้านี้ 2 วัน มีคนแจ้งความจับน้องชายตัวเองจึงเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยและคิดว่าแม่ดูแลตัวน้องชายไม่ได้ และคาดว่าเกิดจากความเครียดและควบคุมตัวเองไม่อยู่

ขณะที่ชาวบ้านที่เป็นเพื่อนของนางสุรางค์รัตน์ เล่าว่า เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบ ส่วนนางสุรางค์รัตน์  แม่ผู้ก่อเหตุ ถูกลูกชายพยายามทำร้ายมาตลอดจนต้องออกมานอนริมถนน แต่ด้วยความที่รักลูกชาย จึงไม่เคยแจ้งความ หรือส่งไปบำบัดรักษาอาการป่วยทางจิต

พล.ต.ท.ภคพงษ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ระบุว่า จากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่วิสามัญผู้ก่อเหตุ เป็นไปตามหลักการเข้าระงับเหตุ เนื่องจากผู้ก่อเหตุพยายามเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ได้ยิงปืนเพื่อสกัดก่อนแล้ว

ส่วนสาเหตุก่อเหตุครั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเกิดจากการคลุ้มคลั่งจากยาเสพติด หรือจากอาการทางจิตอขณะที่ได้รับรายงานว่าผู้ก่อเหตุใช้อาวุธจี้ชิงทรัพย์และตัดสินจำคุกเพิ่งพ้นโทษมาปี 2559 และเคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน ยังไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการเสพยาเคนมผงที่กำลังระบาดขณะนี้

จากการตรวจสอบในบ้านยังไม่พบยาเสพติด ส่วนสาเหตุที่ลงมือนั้นต้องรวบรวมหลักฐานว่ามีประวัติเสพยาเสพติดหรือไม่ สำหรับเรื่องที่ญาติผู้ตายแจ้งว่าเคยแจ้งเรื่องให้ตำรวจมาคุมตัวไปแต่เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการให้นั้น ก็จะตรวจสอบอีกครั้ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ส่งศพผู้ตายทั้งสองไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อตรวจหาสารเสพติดในตัวนายนนทชัย ก่อนรวบรวมรายละเอียดลงสำนวนแล้วจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Lt9mDsjvybY

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ