สถานการณ์โควิด-19 ของไทย ประจำวันที่ 13 ม.ค.2564 พบติดเชื้อ 157 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 90 ราย คัดกรองเชิงรุก 42 ติด เชื้อจากต่างประเทศ 25 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 10,991 ไม่มีเสียชีวิตเพิ่มเติม ผู้เสียชีวิตสะสม 67 ราย โดยมีจังหวัดที่ติดเชื้อทั้งหมด 60 จังหวัด

ขณะที่การตรวจเชื้อใน จ.สมุทรสาคร พบติดเชื้อเพิ่ม 208 คน จากการตรวจเชิงรุก แต่ก็มีข่าวดีมียอดหายป่วยและครบกำหนดกักตัวรวมแล้วกว่า 2,400 คน เช่นเดียวกับอาการของผู้ว่าสมุทรสาครที่ดีขึ้นตามลำดับ ใกล้ได้ถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว

ส่วนประเด็นของวัคซีน ที่มีรายงานจากศูนย์การแพทย์ในบราซิล เผยผลการทดสอบปะสิทธิภาพวัคซีนของบริษัทซิโนแวค ที่ผลิตโดยจีน ในระยะที่ 3 มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสในภาพรวมอยู่ที่ 50.4% ซึ่งวัคซีนตัวนี้ ทางไทยจะนำเข้ามาฉีด 2 ล้านโดสด้วยเช่นกัน เมื่อข้อมูลเผยแพร่ออกไป ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดวิตกต่อประสิทธิภาพของวัคซีนกันจำนวนมาก

ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยว่า ขณะนี้ไทยได้ขอข้อมูลโดยตรงไปยังบริษัทซิโนแวคแล้ว อยู่ระหว่างรอการตอบกลับมาอย่างเป็นทางการว่า ข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นอย่างไร

ซึ่งคำว่าประสิทธิภาพในภาพรวมอยู่ที่ 50.4% หมายความว่าระหว่างคนที่ฉีดกับไม่ฉีดมีอัตราการติดเชื้อแตกต่างกัน โดยป้องกันไม่ให้ติดเชื้อเลยอยู่ที่ 50.4% ประเด็นคือการทดลองนี้ทำในพื้นที่ทีมีการระบาดสูง อาสาสมัครส่วนใหญ่คือบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว อาจส่งผลต่อภาพรวมของการติดเชื้อ หากทดลองในคนทั่วไปก็อาจได้ตัวเลขสูงกว่า

ส่วนตัวเลขเดิมที่ระบุว่า 78% ในคนที่ฉีดกับไม่ฉีด เป็นเรื่องการป่วย คือป้องกันการป่วยได้ 78% ซึ่งอาจจะติดเชื้อแต่ไม่มีอาการป่วย แต่ไม่พบอาการรุนแรงต้องใส่ท่อช่วยหายใจในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีน 100% เมื่อเทียบกับไม่ฉีดวัคซีน ดังนั้นมีตัวเลขเปอร์เซ็นต์หลายตัวที่ต้องนำมาพิจารณาในรายละเอียด

ทั้งนี้การพิจารณาต้องดูคุณสมบัติต่างๆทั้งประสิทธิภาพ ราคา และการสั่งซื้อจำนวนให้เหมาะสมกับคนไทย ขอประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนกกับข้อมูลที่มีการแถลงออกมากจากประเทศอื่นๆ  

ล่าสุดนายอิน เว่ยตง ประธานบริษัทซิโนแวคของจีน ออกมายืนยันว่าวัคซีนของบริษัทมีความปลอดภัยและประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันโควิด-19 จากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ซึ่งกระทำกันในหลายๆ ประเทศ เพียงพอแล้วสำหรับการพิสูจน์ว่า วัคซีนของบริษัทซึ่งใช้ชื่อว่า โคโรนาแวค (CoronaVac) มีความปลอดภัย และประสิทธิภาพก็ดีในการทดลองทั่วโลก แต่ผลที่ออกมาไม่เหมือนกันในแต่ละประเทศ เกิดจากเครื่องที่ใช้ในการทดสอบแตกต่างกัน

ทั้งนี้ในประเทศอาเซียนอย่างอินโดนีเซีย ได้ประเดิมฉีดวัคซีนจากซิโนแวคแล้ว โดยผู้ที่ฉีดคนแรกคือ ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ซึ่งทางอินโดนีเซียได้แถลงยืนยันในประสิทธิภาพของวัคซีนและยืนยันว่าจะใช้ต่อไป

ด้านรัฐบาลของมาเลเซียก็แถลงเดินหน้าจะซื้อวีคซีนจากซิโนแวคต่อไป ขณะที่ทางการสิงคโปร์ระบุว่า จะใช้ข้อมูลตัวเลขจากข่าวของบราซิลอย่างเดียวไม่ได้ เพราะต้องใช้ข้อมูลอย่างเป็นทางการจากการทดลองของซิโนแวคที่เผยแพร่ออกมา ประกอบการตัดสินใจ