นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องของวัคซีน ระบุว่า รัฐบาลไทยได้ลงนาม กับบริษัทแอสตร้าเซเนก้า เหตุผลที่เลือกมีหลายประการ เป็นเรื่องของความเหมาะสม ความพร้อม การจัดส่ง การบริหารจัดการ และที่สำคัญไทยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตในประเทศไทย เบื้องต้น 26 ล้านโดส เริ่มกระบวนการผลิตแล้ว คาด การผลิตใหญ่ จะเริ่มในปลายเดือนกุมภาพันธ์

 

เมื่อถามถึงการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรก จะนำร่องฉีดเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนฉีดอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นคนเห็นชอบให้นำวัคซีนเข้ามา ถ้าเราไม่ฉีดแล้วใครจะฉีด ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้นำการฉีดหรือไม่ หากท่านประสงค์ก็ต้องให้ท่านนำ แต่ถ้าหากนายกฯ มอบหมายให้ตนนำร่องไปก่อน ก็ต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอนุทิน ตอบคำถามว่าจะเป็นผู้นำร่องฉีดวัคซีนนั้น นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็อาสาเป็นผู้ดำเนินการฉีดให้เอง

 

ขณะที่แผนการฉีดวัคซีนจะแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่

 

ระยะที่ 1 ฉีดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด

 

กลุ่มที่จะดำเนินการฉีดก่อนคือ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึง อสม. 8 หมื่นคน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรค 2 หมื่นคน และบุคคลทั่วไปที่มีโรคประจำตัวเสี่ยงต่อการเสียชีวิต เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน และกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป รวม 9 แสนคน หากมีส่วนที่เหลือจะเก็บสำรองไว้กรณีเกิดการระบาดรุนแรงในชุมชนเพื่อยับยั้งการระบาดของโรค

 

ระยะที่ 2 ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2564 จำนวน 26 ล้านโดส ฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ

 

ระยะที่ 3 ช่วงปลายปี 2564 ถึงต้นปี 2565 จะฉีดให้ประชาชนทั่วไปให้ครอบคลุมมากที่สุด ให้เกิดภูมิคุ้นกันในชุมชน เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรค

 

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/GWnXaLJMnd4