เกิดเหตุน้ำท่วมหนักหลายจังหวัดภาคใต้ หนักสุดที่นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี

โดยที่นครศรีธรรมราช น้ำจากคลองคูพาย ได้ไหลเข้าท่วมโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ในช่วงค่ำวานนี้ (2 ธ.ค.) ทำให้โรงพยาบาลต้องปิดประตูด้านหน้า ขณะที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 4 ได้นำรถมาขนย้ายประชาชนที่มาใช้บริการ ซึ่งเมื่อตอน 2 ทุ่ม เจ้าหน้าที่เร่งนำกระสอบทรายมาปิดกั้นทางเข้าประตูหน้า เพื่อป้องกันน้ำไหลทะลักเข้าภายใน

มีคลิประทึก มวลน้ำป่าเทือกเขาหลวงคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ไหลทะลักอย่างรุนแรงลงสู่เบื้องล่าง โดยเจ้าของเฟซบุ๊กสามารถออกจากพื้นที่ได้ทัน แต่มีนักท่องเที่ยวอีกจำนวนมากติดอยู่ในหมู่บ้านคีรีวง

ความแรงของน้ำป่าในครั้งนี้ ทำให้สะพานแขวน ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดเช็คอินของบ้านคีรีวง ได้ขาดลง โดยน้ำมีความแรงและมากกว่าในช่วงปี 2554 ที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วม นอกจากนี้ยังเกิดน้ำท่วมในหลายอำเภอทั้ง อ.เมือง, ทุ่งสง, พรหมคีรี, นบพิตำ ทางจังหวัดต้องตั้งศูนย์อพยพช่วยเหลือประชาชน

ด้านเจ้าของโรงแรมราวดี อยู่ถนนอ้อมค่าย อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ใจดีประกาศให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมบ้าน ไม่มีที่อยู่ เข้ามาพักในโรงแรมฟรี

ส่วนที่สุราษฎร์ธานี มีฝนตกหนักต่อเนื่องกันอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ทำให้คูคลอง ไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนได้ จนน้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นพื้นที่วงกว้าง รวมแล้ว 11 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมือง วิภาวดี ท่าฉาง ไชยา ดอนสัก กาญจนดิษฐ์ พุนพิน เคียนซา นาสาร บ้านนาเดิม และ อ.เวียงสระ

ที่ จ.พัทลุง มวลน้ำจากอำเภอโซนพื้นที่ติดภูเขาบรรทัด ได้ไหลหลากสู่พื้นที่ริมทะเลสาบ 5 อำเภอ ส่งผลน้ำท่วมเพิ่มสูงหลายหมู่บ้าน ชาวบ้าน 80 ครัวเรือนต้องอพยพ

ขณะที่ในเขตพื้นที่ห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อ.ควนขนุน เจ้าของต้องเร่งต้อนควายหลายร้อยตัว ออกมาจากป่าพรุควนขี้เสียน ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย หลังจากมวลน้ำไหลลงมายังพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลน้อย ทำให้น้ำระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนที่ จ.สงขลา พบน้ำท่วมใน 10 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง, สิงหนคร, รัตภูมิ, ควนเนียง, หาดใหญ่, จะนะ, กระแสสินธุ์, ระโนด, สะเดา และคลองหอยโข่ง

มีรายงานจาก จ.ปัตตานี ได้เกิดฝนตกหนักลงมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมมีลมพายุแรง ส่งผลให้บ้านของชาวบ้าน พังถล่มลงมาและได้รับความเสียหายทั้งหลัง โชคดีช่วงเกิดเหตุคนในบ้านออกไปส่งลูกเรียนหนังสือ ไม่มีใครอาศัยอยู่ในบ้าน ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/spEuxScFfC8