จับตาการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ หลังชาวมะกันแห่ใช้สิทธิ์เลิกตั้งทางไปรษณีย์สูงเป็นประวัติการณ์ 'ทรัมป์' หวั่นไม่โปร่งใส

ต่างประเทศ

จับตาการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ หลังชาวมะกันแห่ใช้สิทธิ์เลิกตั้งทางไปรษณีย์สูงเป็นประวัติการณ์ 'ทรัมป์' หวั่นไม่โปร่งใส

โดย

30 ต.ค. 2563

1K views

การลงคะแนนทางไปรษณีย์ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปีนี้ กลายเป็นที่จับตา หลังพบว่า ชาวอเมริกันแห่กันลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งทางไปรษณีย์ มากเป็นประวัติการณ์ ทำให้มีโอกาสสูง ว่าจะไม่สามารถประกาศผลผู้ชนะในวันเลือกตั้งได้ 
อีกเพียง 5 วัน เท่านั้น ก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปรากฎว่า มีชาวอเมริกัน ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าทั่วประเทศแล้ว กว่า 80 ล้านคน ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 100 ปี และเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อนแล้ว ซึ่งมีชาวอเมริกันใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า 47.2 ล้านคน มีมากกว่าถึงร้อยละ 58 สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นอย่างมาก บวกกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกัน เลือกที่จะหลีกเลี่ยงการไปยืนรอเข้าคิวยาวหน้าคูหาในวันเลือกตั้ง 
โดยเฉพาะที่รัฐเท็กซัส มีผู้ใช้สิทธิ์ล่วงหน้า ทั้งไปลงด้วยตัวเองและทางไปรษณีย์ จนถึงขณะนี้ 8 ล้าน 5 แสนคน เกือบจะเท่ากับจำนวนผู้ใช้สิทธิ์ทั้งหมดของรัฐเท็กซัส เมื่อ 4 ปีก่อน ขณะที่รัฐฟลอริดา หนึ่งในรัฐที่เป็นสวิง สเตท มีผู้ใช้สิทธิ์ล่วงหน้าแล้ว กว่า 7 ล้าน 3 แสนคน 
การที่มีชาวอเมริกัน เลือกใช้สิทธิ์ทางไปรษณีย์มากเป็นประวัติการณ์ ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ไม่ไว้วางใจ ว่าอาจมีการโกงการเลือกตั้ง ถึงขั้นประกาศจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง 
อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษา โดย Brennan Center for Justice เมื่อปี 2017 พบว่า อัตราการโกงการเลือกตั้งในสหรัฐฯเป็นไปได้ยาก เกิดขึ้นน้อยกว่า ร้อยละ 0.0009% ซึ่งก็ต้องจับตากันว่า ในวันเลือกตั้งการนับคะแนนจะเป็นไปอย่างราบรื่น และใช้เวลานับบัตรลงคะแนนนานหรือไม่ เนื่องจากในแต่ละรัฐมีกฎระเบียบที่แตกต่างกัน ทั้งรูปแบบ รวมไปถึง วันนับคะแนน ซึ่งรัฐส่วนใหญ่ จะรวมคะแนนบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ ภายในวันเลือกตั้งเท่านั้น แต่บางรัฐ ยืดเวลาการรับ และนับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์หลังวันเลือกตั้งไปแล้ว 
และหากทรัมป์ ลุกขึ้นมาประท้วงผลการนับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ และให้ขอนับคะแนนใหม่ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯ เหมือนครั้งที่เกิดเมื่อปี 2000 ที่ใช้เวลานับคะแนนใหม่ในรัฐฟลอริดา นานถึง 36 วัน

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ