การอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ เพื่อหาทางออกประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 วันแรก (26 ต.ค.2563) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรก ชี้ปัญหาทางการเมืองทั้งหมด ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สืบทอดอำนาจ คสช. เข้ามา

ขณะที่พลเอกประยุทธ์ ได้ลุกชี้แจงยอมรับว่าประเทศจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงแต่ต้องเปลี่ยนอย่างมีเหตุผล ไม่ทำลายรากเหง้าของตัวเอง

นอกจากนี้มีช่วงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลุกอภิปรายบอกว่า การประชุมร่วมรัฐสภาครั้งนี้เหมือน ให้รัฐบาลฟอกตัว แนะควรใช้วิธีแบบสันติวิธี ตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับนักศึกษา มาเจรจาหารือเพื่อช่วยกันให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย

การให้ถอยคนละก้าวของนายกรัฐมนตรีแก้ปัญหาไม่ได้ แต่ถอยคนละก้าวของตนเอง คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนำร่างฉบับประชาชนมาแก้ไข ไม่แตะหมวดสถาบัน และขอให้นักศึกษายุติการชุมนุม รอแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมกันนี้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ ยังท้าพลเอกประยุทธ์ ให้ลาออก หากลาออก ตนก็พร้อมที่จะลาออกจากการเป็น ส.ส.

ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งของการอภิปราย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ยกประโยคหนึ่ง ( I hear too) ขึ้นพูดใน ที่ประชุม โดยระบุว่า เป็นคำที่ผู้ชุมนุมนำใช้ในทุกสถานที่ในขณะนี้ ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ได้ตัดบททันที โดยขอให้ ถอนคำพูด แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ยอมถอน โดยระบุว่า “เป็นคำของนักศึกษา คำนี้ก็กระทบตน เพราะชื่อตู่เหมือนกัน”

และยืนยันไม่ถอน ขอจบการอภิปรายของตัวเองทันที ก่อนเดินออกจากห้องประชุมไป ด้านนายชวน ได้ชี้แจงว่า ถือว่าเป็นคำเสียดสี เมื่อผู้อภิปรายไม่ถอน ให้บันทึกไว้ว่า เป็นคำเสียดสี ที่ไม่ควรนำมาใช้ในที่ประชุมสภา

ดูยูทูปที่นี่ : https://youtu.be/iGYZZ0wj6ck