'ทรัมป์-ไบเดน' เร่งชิงคะแนนโค้งสุดท้ายศึกเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ก่อนตัดสินชัย 3 พ.ย.นี้

ต่างประเทศ

'ทรัมป์-ไบเดน' เร่งชิงคะแนนโค้งสุดท้ายศึกเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ก่อนตัดสินชัย 3 พ.ย.นี้

โดย

26 ต.ค. 2563

521 views

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีนี้ มีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับวันที่ 4 พฤศจิกายนตามเวลาไทย เป็นการขับเคี่ยวของตัวแทนจากสองพรรคการเมืองใหญ่ ของสหรัฐฯ  คือ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน กับ โจ ไบเดน จากพรรมเดโมแครต ที่มีประสบการณ์เป็นรองประธานาธิบดีถึง 2 สมัย เพื่อชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป 
นอกจากนี้ ยังมีอีกสองคนที่ มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับประธานาธิบดี คู่หู รองประธานาธิบดี จะต้องทำหน้าที่แทน โดยครั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังจับมือ นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐคู่หูคนเดิม ส่วนไบเดน สร้างปรากฎการณ์ใหม่ เลือก คามาล่า แฮร์ริส วุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย  มาเป็นคู่หู ซึ่งทำให้เธอเป็นสตรีเชื้อสายแอฟริกัน-เอเชีย ที่ลงสมัครคู่หูรองประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ 
ด้วยบุคคลิกและภาพลักษณ์ของ ประธานาธิบดีทรัมป์ ที่เข้าถึงและเป็นที่ชื่นชอบของชาวอเมริกัน โดยเฉพาะฐานเสียง ที่เป็นคนผิวขาว ในชนบท ด้วยนโยบายเอาใจ ชาวอเมริกันต้องมาก่อน บวกกับผลงานตลอด 4 ปี เพื่อให้สหรัฐกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ทั้งเรื่องการลดภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ส่งเสริมการจ้างงานในประเทศ ตามนโยบาย AMERICAN FIRST นอกจากนี้ เปิดศึกการค้ากับจีน ด้วยการตั้งกำแพงภาษี ทำให้ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี
ขณะที่ไบเดน ตลอด 8 ปี ในทำเนียบขาว ฐานะรองประธานาธิบดีสองสมัย ทำให้ชื่อของเขาถูกจารึก อยู่ในตำนาน ของประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐ ซึ่งก็คือ บารัก โอบาม่า  ซึ่ง ไบเดน นับเป็นกุญซือคนสำคัญของโอบามา ทั้งเรื่องของการผ่านร่างกฎหมายประกันสุขภาพหรือ Obama Care รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และปฏิรูปอุตสาหกรรมการเงิน 
อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตโควิด ที่ทำให้ชาวอเมริกัน ติดเชื้อมากกว่า 8 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 2 แสนคน ถือเป็นจุดด่างพร้อยของทรัมป์ ซึ่งโพลล์ของเอพี-เอ็นโออาร์ซี ชี้ว่า ชาวอเมริกันร้อยละ 65 เชื่อว่าทรัมป์ ยังรับมือเรื่องนี้ไม่ดีพอ รวมไปถึงการเลี่ยงภาษี ที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ส ออกมาแฉว่าทรัมป์ จ่ายภาษีให้รัฐเพียงแค่ 750 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2016 และปี 2017 โดยในช่วง 15 ปีมานี้ เขาไม่ได้จ่ายภาษี เป็นเวลา 10 ปี 
ส่วนไบเดน นอกจากเรื่องอายุที่ย่างเข้าใกล้เลข 8 ซึ่งทำให้หลายคนสงสัยว่าเขาจะสามารถทำหน้าที่ผู้นำประเทศ ตลอด 4 ปี ได้ดีหรือไม่ ไบเดน ยังเคยมีเรื่องอื้อฉาวเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ จากกรณีไปแตะตัวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหญิงจนกลายเป็นประเด็นร้อนอีกด้วย
สถานการณ์ล่าสุด ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ขึ้นปราศรัยต่อหน้ากลุ่มผู้สนับสนุนในเมืองลอนดอนเดอร์รี่ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรัฐที่เป็นฐานเสียงโน้มเอียงของฝั่งเดโมแครต โดยทรัมป์ยังคงชูประเด็นการแพร่ระบาดโควิด-19 พร้อมย้ำว่าการแพร่ระบาดกำลังจะสิ้นสุดลงเร็ว ๆ นี้ ด้านโจ ไบเดน ก็มีกำหนดการเดินทางลงหาเสียงในรัฐที่เป็นแบตเทิล กราวด์สเตท จำนวนทั้งหมด 6 รัฐ ส่วนโพลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดเฉลี่ยทั่วประเทศ จากเว็บไซต์ เรียล เคลียร์ โพลิติกส์ โดยเฉลี่ยแล้ว ยังคงให้ไบเดนนำทรัมป์อยู่ 8.3 คะแนน

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ