ผู้รอดชีวิตเล่าวินาทีหนีตาย 'ท่อส่งก๊าซระเบิด' สุดเศร้าน้องสาวโดนหินทับหัวเสียชีวิตต่อหน้า 'ปตท.' รับผิดจ่ายเยียวยาทั้งหมด

สังคม

ผู้รอดชีวิตเล่าวินาทีหนีตาย 'ท่อส่งก๊าซระเบิด' สุดเศร้าน้องสาวโดนหินทับหัวเสียชีวิตต่อหน้า 'ปตท.' รับผิดจ่ายเยียวยาทั้งหมด

โดย

24 ต.ค. 2563

6.7K views

ปตท.ขอรับผิดกับเหตุการณ์พร้อมเยียวยาเต็มที่ ผู้เสียชีวิตให้ 5 ล้าน คนเจ็บหนักให้ 5 เเสน  ด้านสภาวิศวกรเรียกร้อง 3 ข้อ ให้กระทรวงพลังงานเเละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยจุดวางท่อลักษณะนี้ มีกี่จุด เเละเเจงมาตรการดูเเล เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย
จากกรณี ท่อก๊าซของ ปตท. เกิดเหตุระเบิดบริเวณจุดวางท่อ ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และเสียชีวิต 3ราย บ้านเรือนประชาชนเสียหาย สถานที่ราชการทั้งโรงเรียน โรงพัก พังเหลือแต่ซากประหักพัง เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ปตท. นำรถแบคโฮมาเปิดหน้าดินหาตรวจหาสาเหตุท่อก๊าซและรั่ว และนำท่อก๊าซที่เกิดปัญหานี้ นำไปตรวจสอบหาสาเหตุ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รัฐ เเละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง
โดย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เเละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากการตรวจสอบยังไม่ทราบสาเหตุที่เเน่ชัด เพราะมีสาเหตุเป็นไปได้หลายประการเรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการสอบสวนหาสาเหตุ เบื้องต้นได้พูดคุยกับผู้บริหาร ปตท.เเล้ว ทราบว่ามีการปรับปรุงตรวจสอบท่อเเละระบบอยู่สม่ำเสมอ ระบบทุกอย่างมีมาตรฐาน 
ขณะที่ด้าน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เเละกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. กล่าวว่า ขอเเสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย ซึ่งมาตรการหลังจากเกิดเหตุ มีการปิดพื้นที่ ปิดวาล์วส่งก๊าซทั้งหมดตอนนี้จึงไม่มีก๊าซเข้ามาเพิ่มเเล้ว และส่งเจ้าหน้าที่วัดปริมาณเเก๊สในพื้นที่ เเละพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปะทุขึ้นอีก ส่วนสาเหตุต้องรอผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ยังไม่สามารถตอบในวันนี้ว่า เกิดจากสาเหตุอะไร  ส่วนกรณีประเด็นว่ารถแบล๊คโฮล์ขุดดินจนกระแทกท่อก๊าซนั้น ยังไม่ทราบสาเหตุ แต่ รถแบล๊คโฮล์นั้นไม่ใช่ของปตท. และพื้นที่นี้เป็นพื้นที่หวงห้าม ต้องรอการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
 ส่วนการเยียวยาผู้เสียชีวิต บาดเจ็บและเสียหาย ได้ส่งทีมงานสำรวจความเสียหาย ยืนยันว่า ทางปตท.พร้อมรับผิดชอบ จะเยียวยา ทั้งบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียจนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ จะซ่อมเเซมให้กลับมาเหมือนเดิม  และระหว่างที่ซ่อมแซม ก็จะจัดหาที่อยู่ที่เหมาะสมให้ 
สำหรับการรับผิดชอบ ในส่วนของผู้เสียชีวิต จะเยียวยารายละ 5,000,000 บาท / ผู้ป่วยสาหัส รายละ 500,000 บาท / ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาล รายละ 200,000 บาท / ผู้ป่วยที่กลับบ้านได้ รายละ 50,000 บาท /
โดย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกรเเห่งประเทศไทย กล่าวว่าท่อส่งก๊าซของ ปตท.ถือว่าได้มาตรฐาน ซึ่งวางตามเเนวของสายไฟฟ้าเเรงสูง ตามภาพที่เห็นมีการระเบิดด้านบน เเสดงให้เห็นว่าในท่อมีเเรงดันสูงมากในการส่งก๊าซไปยังที่ต่างๆ ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้ เเต่จากภาพที่ปรากฎ เปลวไฟขนาดใหญ่ลุกโชนอยู่บนอากาศ เนื่องจากก๊าซที่มีน้ำหนักเบา ได้พุ่งขึ้นไปกระทบกับสายไฟฟ้าเเรงสูง ทำให้เกิดประกายไฟ โดยปกติการวางท่อนี้จะต้องเป็นเขตพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีที่อยู่อาศัยหรือการขุดเจาะ เเต่กรณีนี้ไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น ปตท.ต้องหาคำตอบให้ได้ 3 ข้อ คือ
1.อายุการใช้งานจองท่อเเละความชำรุดของอุปกรณ์
2.สิ่งที่ไปกระทบทำให้ท่อเกิดความฉีกขาดมาจากสาเหตุใด
3.กระทรวงพลังงานเเละผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องออกมาเปิดเผยว่าลักษะท่อเเบบนี้ ในประเทศไทยมีการวางอยู่จุดใดบ้าง มีการบำรุงรักษาอย่างไร เเละมีการป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเเบบนี้
ทั้งนี้ลักษณะท่อส่งก๊าซธรรมชาติ จะฝังดินลึก 5 เมตร ท่อมีความหนา 1.5 นิ้ว และเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 36 นิ้ว ซึ่งท่อดังกล่าวพาดผ่านเส้นทางดังกล่าวมานานกว่า 20 ปี ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวไม่เคยเกิกเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ตัวท่อมีมาตรฐาน 
ซึ่งเหตุดังกล่าวทำให้หลายพื้นที่เกิดความกลัวหวั่นซ้ำรอยในส่วนของเส้นทางท่อส่งก๊าซธรรมชาติในไทย ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งหมด 5 เส้นทาง 
ซึ่ง 3 เส้นจะนำแหล่งก๊าซต่างๆ ในอ่าวไทยเข้าสู่โรงแยกก๊าซที่ระยอง จากนั้นส่งต่อไปยังเส้นต่างๆ 
เส้นที่ 2 จะพาดผ่าน ระยอง,ชลบุรี,ฉะเชิงเทรา,สมุทรปราการ,กรุงเทพฯ ,ปทุมธานี,อยุธยา ซึ่งเส้นดังกล่าวเป็นเส้นที่เกิดเหตุ 
ส่วนเส้นที่ 5 อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่อยู่ในแนวอ่าวไทย และพาดผ่านในเส้นแนวเดิม ซึ่งจะสิ้นสุดที่นนทบุรี ซึ่งจะเสร็จในปี 2564
ส่วนที่ลานกีฬาโรงเรียนเแร็งราษฎร์วิทยา ซึ่งเป็นศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุท่อก๊าซระเบิด วานนี้ (23 ต.ค.63) ทางโรงพยาบาลตำรวจ นำทีมแพทย์ ยารักษาโรคและจิตแพทย์ มาตรวจรักษาประชาชนและช่วยล้างแผลกรณีที่ประชาชนบาดเจ็บเล็กน้อย โดยพบว่าส่วนใหญ่เป็นแผลพุพองเพราะถูกความร้อนเผาไหม้ผิวหนัง ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความเสียหาย สามารถมาแจ้งเรื่องได้ที่โรงพักเคลื่อนที่ที่ตั้งอยู่ที่โรงเรียนวัดเปร็งฯเพื่อประสานเรื่องการช่วยเยียวยา นอกจากนี้จะมีตำรวจ ลงพื้นที่ไปตามบ้าน ผู้เสียหายต่างๆ ซึ่งก็สามารถแจ้งเรื่องกับตำรวจที่ลงพื้นที่ได้ทันทีเช่นเดียวกัน ซึ่งประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ต้องมาลงบันทึกประจำวันไว้ และหากเดินทางมาไม่ได้ ตำรวจก็จัดชุดเคลื่อนที่ไปสำรวจและช่วยเหลือชาวบ้าน
ส่วนเรื่องคดีนั้น กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าตรวจสอบ ทำงานควบคู่กับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาสาเหตุว่าที่ท่อก๊าซระเบิดนั้น เกิดจาก การกระทำประมาท หรือ เกิดเพราะอุบัติเหตุ โดยพันตำรวจเอกประเสริฐ บัวขาว ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ  ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่เเจ้งข้อหากับบุคคลใด  โดยจะประเมินเหตุการณ์ หาสาเหตุว่าการรั่วไหลของก๊าซNGV จนเกิดระเบิดในครั้งนี้เกิดจากอะไร และหากพบว่า เกิดจากความประมาทเลินเล่อ ก็จะต้องมีผู้ถูกดำเนินคดีแน่นอน
ส่วนความเสียหายของสภ.เปร็ง ขณะนี้พบว่ามี รถยนต์ เสียหาย 5 คัน/ รถจักรยานยนต์ 6 คัน /เเละรถของประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง ทาง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้นำรถยนต์สำรองมาเปลี่ยนให้ใช้ในราชการเเล้ว ส่วนโครงสร้างตัวอาคาร ของสภ.เปร็ง ขณะนี้วิศวกรอยู่ระหว่างตรวจสอบและเปิดให้บริการประชาชนวันนี้
ในส่วนของผู้เสียชีวิต3รายนั้น เมื่อวานครอบครัวก็รับศพไปลำเพ็ญกุศล โดยทีมข่าวได้สอบถาม คุณสุจิน เย็นสบาย พี่สาว คุณ สมศรี  จันทน์แกน หนึ่งในผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเองและน้องสาว เดินทางมาจากจังหวัดสระแก้ว มาทำงานรับจ้างสร้างถนน และพักอาศัยที่แคมป์คนงานใกล้จุดท่อก๊าซระเบิด โดยไม่รู้ว่าแคมป์คนงานที่พักนี้ใกล้กับท่อก๊าซ  ตอนเกิดเหตุ เป็นช่วงพักหลังจากกินข้าวเที่ยง ตนกับน้องสาวก็นั่งเล่นหน้าแคมป์รอเข้าทำงาน แต่จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังตู้มดังมาก และเห็นเปลวไฟ  ตนและน้องสาวจับมือกันวิ่งแบบหนีตาย ช่วงนั้นคนงานบางคนก็กระโดดลงน้ำ และระหว่างที่วิ่งหนีนั้นก็เห็นก้อนหินขนาดใหญ่ ฟาดใส่ศีรษะน้องสาวตนอย่างแรง จนสลบล้มลงต่อหน้าต่อตา ตนพยายามลากน้องให้วิ่งแต่ไม่ไหวแล้วจึงรีบหนีเอาตัวรอด  และมารู้ว่าน้องสาวเสียชีวิตในที่กิดเหตุ  เสียใจมากที่ช่วยไม่ได้  เหตุการณ์มันเร็วมาก ไม่ใช่แค่น้องสาวเสียชีวิต รถยนต์ที่พึ่งผ่อนได้ไม่นาน ทรัพย์สินต่างๆ พังไปหมด  ตนมาอาศัยที่นี้ก็ไม่เคยรู้ว่าเป็นจุดท่อก๊าซ เพราะแคมป์นี้ก่อสร้างมานานหลายปีแล้ว จากนี้ก็นำศพกลับบ้านเกิดที่อ.ตาพระยาจังหวัดสระแก้ว 
ทีมข่าวสอบถาม คุณประคอง น่วมรัศมี  อายุ57ปี  คุณลุงบอกว่า ตอนนี้กลัวมาก ได้ยินเสียงดังก็ผวาหวาดกลัวขนาดไปล้างแผลที่รพ.ของหล่น ยังสะดุ้งจะวิ่งหนี ซึ่งตอนเกิดเหตุ นอนในบ้านกับแม่ ตอนนั้นได้ยินเสียงดังและแรงลม คิดว่าเป็นพายุยังบอกแม่ว่าหลบในบ้านอย่าออกไป แต่พอตนลุกขึ้นมองเห็นเปลวไฟ ก็รีบดึงแม่วิ่งหนีตายออกจากบ้าน มันน่ากลัวมาก 
ขณะที่โรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดี อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งตั้งห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 100 เมตร ในวันเกิดเหตุทั้ง ครูและนักเรียนต่างวิ่งหนีตายเนื่องจากสัมผัสไอร้อน ทั้งนี้ครูที่อยู้ในเหตุการณ์เผยว่าตอนแรกคิดว่าเครื่องบินตกในพื้นที่ ตนจึงสังเกตและช่วยนักเรียนออกจากจุดเกิดเหตุจนปลอดภัย ทั้งนี้จึงอยากให้ ปตท.เข้ามาให้ความรู้กับทางโรงเรียนเพื่อรับมือ 
ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่าจากเหตุดังกล่าวในความรับผิดชอบต่อความเสียหายทางแพ่งนั้น เป็นหน้าที่ของบริษัทมหาชนของรัฐอย่าง ปตท.จะปฏิเสธความรับผิดชอบไปไม่ได้ แต่ทว่าในความรับผิดชอบทางอาญานั้น ดูเหมือนหน่วยงานรัฐต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งทางฝ่ายปกครองของจังหวัดสมุทรปราการ กรมธุรกิจพลังงาน ยันกรมควบคุมมลพิษ มิได้กล่าวถึงหรือมีความพยายามที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายแต่อย่างใด โดยเฉพาะการปล่อยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของ ปตท.เข้าไปสอบสวนหาเหตุที่เกิดขึ้นพร้อมเจ้าหน้าที่ กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมหน่วยกู้ภัยต่างๆและกองทัพสื่อมวลชน ซึ่งกว่าจะกันพื้นที่ให้เป็นเขตหวงห้ามก็ทำให้หลักฐานบางอย่างหมดไปได้ เพราะอย่าลืมว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย ซึ่งเป็นเหตุทางอาญา ตาม ปอ.291 ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องเก็บรวมรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุมาประกอบสำนวนในการเอาผิดผู้บริหารหน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ด้วย
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Sq6VUMajFK0

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ