จากกรณีพี่เลี้ยงจุ๋ม และครูคนอื่น ๆ อีกหลายคนในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล จนผู้ปกครองพากันเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่ามีเด็กจำนวนมากที่โดนทำร้ายร่างกายและจิตใจ รวมถึงครูแต่ละท่านไม่มีใบประกอบวิชาชีพ

ล่าสุดนายพิบูลย์ ยงค์กมล  ประธานอำนวยการโรงเรียนในเครือสารสาสน์  เผยกับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ยอมรับว่าเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น ในโรงเรียนดังกล่าวมีการติดกล้องวงจรปิด แต่ผู้บริหารไม่เคยไปดูเลย ไม่คิดจะแก้ไขอยู่แบบสบาย ๆ จึงเกิดเหตุขึ้น ยอมรับโรงเรียนปล่อยปละละเลย ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่ตนให้ไว้ ดูแลไม่ทั่วถึง ตนมีอำนาจใหญ่สุดก็จริง แต่ที่โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์ มอบหมายให้ลูกสาวเป็นผู้บริหาร มัวแต่ทำตัวเป็นแม่พระ

“ผมขอโทษจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก จะเยียวยาเด็กที่ถูกกระทำ และตอบรับทำตามข้อเรียกร้องของผู้ปกครองทุกข้อ ส่วนเงินเยียวยาจ่ายตามจริง มีผู้ปกครองคนหนึ่งเรียกเงิน 2 ล้านบาท ใครจะให้ ผมให้ไม่ได้ ถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องศาลเอา ไม่ใช่ลูกนอนละเมอ ไม่ได้เป็นอะไรมากจะมาเรียกเงินเยียวยาอะไรเยอะแยะ”

นโยบายของโรงเรียนห้ามตีเด็ก ใช้วิธีอภิบาลเด็ก ผมขอโทษมาหลายหนแล้ว แต่ผู้ปกครองบางทีก็ทำเกินไป หันหน้ามาแก้ไขสิ ไม่ใช่โจมตี นักข่าวบางคนอ่านข่าวให้ปิดโรงเรียนไปเลย ปิดได้ไง คนดีที่ทำไม่มีเลยเหรอ แล้วทำผิดแค่นี้ ซึ่งผิดก็ไม่ใช่ของผม ผิดเพราะครูไม่ดี ผู้บริหารไม่ดี แต่มาบอกทั้งโรงเรียนทั้งเครือ

หากกระทรวงศึกษาธิการมองว่าสารสาสน์ราชพฤกษ์ ไม่เหมาะสอนเด็กอนุบาลเพราะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ถ้าปิดแผนกอนุบาลไป คนที่พูดว่าว่าปิดโรงเรียนนี้เลยพูดเอามันส์ปาก เอาแต่ได้ เอาหัวแม่ตีนคิดหรือเปล่า  มันคิดเป็นมั้ย ถ้าปิดไปแล้วเด็ก 3,800 คน ไปอยู่ที่ไหน ผู้ปกครองจะเอาลูกไปเรียนที่ไหน  เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะเรียนหรือไม่เรียน ถ้าไม่เรียนจะคืนค่าเทอมให้ ปิดผมก็ไม่กลัว ปิดผมก็ขายที่ปล่อยเงินกู้ กำไรดีกว่าทำโรงเรียนเสียอีก

ผู้ปกครองไม่พอใจอยากย้ายก็ย้ายไปเลย ถ้าเห็นว่าเราไม่ดีก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ได้บังคับให้เรียน  จะมาตีโพยตีพายทำไม  เรามีหลักประกันว่าโรงเรียนเราดี   มีเด็กนักเรียนในเครือทั้งหมด 94,000 คน ไม่ใช่มารวมตัวกันอย่างนี้ มันใช้ได้เหรอ มาแค่คนเดียวก็แก้ปัญหาให้แล้ว  ผมรู้สึกไม่ดี เรามาพูดกันให้รู้เรื่อง มาคุยกันดี ๆ ก็ได้ มีผู้ชายและผู้หญิงเสื้อแดงที่แหกปากร้องโวยวาย มันสมควรเหรามาบังบังให้เราทำอย่างงั้นอย่างงี้ ผมมีสามัญสำนึก ผมรับผิดชอบ 

ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ปกครองที่จะไปรวมตัวกันที่โรงเรียน ควรไปแบบอารยชนหน่อย ไม่ใช่ไปแบบดินขบวน มาหาเรื่องโรงเรียน มันไม่สร้างสรรค์ เขาไปตามกระแส ผมไม่ได้พูดว่าป่าเถื่อนนะ ดูแล้วตัดสินเอาเอง เดี๋ยวทัวร์จะมาลงที่ผมอีก คนเถื่อน จะแรงก็แรงใครจะมาโจมตีผมไม่กลัวหรอก”

ผู้สื่อข่าวถามว่าบางคำพูดดูรุนแรงอาจทำให้กลุ่มผู้ปกครองไม่พอใจหรือไม่ อาจทำให้โรงเรียนในเครือสารสาสน์ทั้งหมด 49 แห่ง โดนแอนติด้วย  นายพิบูลย์ กล่าวว่า “ไม่กังวล  เพราะผมพูดตรง ๆ อารมณ์มันแรง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดอาจจะตายก็ได้ ที่ทัวร์ลงเราเพราะพูดสวนกระแส ความดีเยอะแยะแค่บกพร่องนิดเดียว เอามาตีล้มล้างความดีทั้งหมด”

ประธานอำนวยการโรงเรียนในเครือสารสาสน์  วอนผู้ปกครองหันหน้าร่วมแก้ปัญหา ส่วนข้อสงสัยกรณีครูบางคนไม่มีใบประกอบวิชาชีพนั้น นายพิบูลย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็มีการขอผ่อนผัน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงอนุญาต ยอมรับตนเองเป็นครูมาตั้งแต่อายุ 18 ปี จนตอนนี้ไม่ได้เป็นครูแล้วก็ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเช่นกัน

เมื่อถามถึงมาตรฐานในการคัดกรองรับครูที่จะเข้ามาสอนเด็กของทางโรงเรียน เอาเกณฑ์อะไรตัดสินในการรับบุคลากรเข้ามาสอนเด็ก โดยนายพิบูลย์ ระบุว่า คนที่มาสมัครครูก็จะดูจากวุฒิ มีใบประกอบวิชาชีพหรือไม่ก็รับมาพิจารณา ครูส่วนใหญ่มีใบประกอบวิชาชีพ ครูพี่เลี้ยงไม่จำเป็นต้องมีใบประกอบวิชาชีพก็ได้ ครูบางคนไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ก็ต้องไปเรียน เสียค่าเรียนสูง เงินเดือนครูก็นิดเดียว แต่ครูบางคนไม่เรียนก็มาขอผ่อนผัน  จำเป็นต้องผ่อนผันอย่างงั้นไม่มีครูสอน

ส่วนพี่เลี้ยงส่วนใหญ่จะดูที่หน้าตาว่าสะอาดสะอ้านหรือไม่เป็นหลัก สำหรับครูและพี่เลี้ยงเราจะพาไปขูดหินปูนฟรีทุกปี เราต้องการร่างกายก่อน ไม่ใช่พูดกับเด็กแล้วปากเหม็น ส่วนเรื่องจิตใจนั้นสำหรับคนที่เป็นครูอนุบาลก็ต้องทำใจและต้องทนเด็กได้ ต้องรักเด็ก ครูอนุบาลถ้ามีจิตใจรักเด็กก็จะมีความสุขมาก

เมื่อถามว่าเหตุครูและครูพี่เลี้ยงโรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์ ทำรุนแรงกับเด็ก ผิดที่ครูหรืออาจเป็นเพราะผู้บริหารไม่คัดกรองครู นายพิบูลย์ กล่าวว่า ให้คัดกรองยังไง ในเมื่อกระทรวงศึกษาธิการเขาก็มีใบประกอบอาชีพ คนไหนไม่มีขอผ่อนผัน กระทรวงฯ ก็อนุญาตแล้วให้ทำยังไง

ประธานอำนวยการโรงเรียนในเครือสารสาสน์  ยังได้พูดถึงนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ภายหลังที่ไปเป็นตัวกลางเจรจาระหว่างผู้บริหารโรงเรียนกับผู้ปกครอง ตนมองว่า “เขาเป็นผู้แทนยอมหาเสียงเป็นเรื่องธรรมดา ท่านเข้าข้างผู้ปกครอง ไม่พอใจปิดโรงเรียนก็ปิดสิ ขอพูดตรงๆ”

เมื่อถามว่าช่วงมีปัญหาที่โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์  ทำไมไม่ไปพบปะผู้ปกครอง เพราะผู้ปกครองเรียกร้องขอพบผู้บริหารที่มีอำนาจของโรงเรียนในเครือสารสาสน์ นายพิบูลย์ ระบุว่า เรื่องอะไรทำไมผมต้องโผล่หัวไป มีตัวแทนทำหน้าที่ตรงนั้นอยู่แล้ว ส่วนประเด็นที่โรงเรียนในเครือ 34 โรง ถูกร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) ตนยังไม่ทราบว่าร้องเรียนเรื่องอะไรบ้าง

ส่วนประเด็นที่ผู้ปกครองระบุว่า เก็บค่าเทอมแพง แต่ความเป็นอยู่ของเด็กภายในโรงเรียนย่ำแย่ ในห้องเรียนไม่ติดแอร์ ติดวงจรปิดเฉพาะจุด ระบบบริหารจัดการของโรงเรียนไม่ดี  นายพิบูลย์ กล่าวว่า เราตกลงกันว่าในห้องเรียนจะไม่ติดแอร์ เพราะจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ติดตั้งพัดลมก็เพียงพอแล้ว อากาศถ่ายดี หากห้องไหนผู้ปกครองเรียกร้องให้ติดแอร์ ทางโรงเรียนก็ติดให้ แต่จะเก็บค่าแอร์เพิ่มมันยุติธรรมดี 

พร้อมฝากถึงผู้ปกครองที่นำเด็กมาเรียนแล้วเรียกร้องอย่างนั้นอย่างนี้ ก่อนจะนำเด็กมาเข้าเรียนตั้งแรกทำไมไม่ถามว่ามีอะไรถูกใจหรือไม่ ถ้าไม่ถูกใจจะมาเรียนทำไม ไปเรียนที่อื่นสิ แพงแล้วจะมาเรียนทำไม ไม่ไปเรียนโรงเรียนถูก ๆ ล่ะ จะเรียกร้องอะไรอีก

ขณะที่นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า "ท่านคงไม่อยากได้ผ่อนผันแล้ว (หมายถึงใบประกอบวิชาชีพ) ก็เป็นข้อมูลสำคัญยิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการจะตัดสินใจทำอะไร เพราะท่านประกาศออกมาเอง ประกาศความชัดเจนวิธีคิดและวิธีบริหารให้สาธารณชน และกระทรวงศึกษาธิการได้รับทราบ เราจะยิ่งตัดสินใจอะไรได้เร็วที่สุด อะไรเป็นขั้นตอนเร็วที่สุดจะทำทุกอย่าง ก็จะคำนึงถึงผู้ปกครอง ถ้าสมัครใจย้ายก็ให้มาบอกเราเตรียมความพร้อมแล้ว"

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า จากนี้จะกลับไปพิจารณาตามขั้นตอน เรื่องหลักเกณฑ์การผ่อนผัน พร้อมตำหนินายพิบูลย์ทิ้งท้ายว่า “ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่านับถือ ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรี ท่านไม่เหมาะต่อการทำการศึกษา ท่านเป็นคนไม่สง่างามเลย”

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/D9_FRo4jrmw