จากประเด็นร้อน กรณี น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง หรือ ครูจุ๋ม ครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กนักเรียนอนุบาล 1 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี อย่างทารุณหลายครั้ง อาทิ กดหัวเด็กลงกับโต๊ะเรียน, ดึงหู กระชากหัวอย่างรุนแรง, ลากเข้าไปทำร้ายต่อในห้องน้ำ, เอายาหม่องน้ำหยอดตาเด็ก, เอาดินสอทิ่มเท้า ฯลฯ

โดยที่ครูประจำชั้นและครูต่างชาติที่อยู่ในห้องรู้เห็น แต่ไม่เข้าช่วยเหลือ และมองว่าเป็นเรื่องปกติ ส่งผลให้เด็กได้รับบาดเจ็บ ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ หวาดผวา มีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่อยากไปโรงเรียน และไม่กล้าดื่มน้ำ และเข้าห้องน้ำ

โดยตัวแทนผู้ปกครองได้เล่าพฤติกรรมของลูกหลานที่ถูกทำร้ายร่างกาย พร้อมระบุ รับไม่ได้กับเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันจะเรียกร้องความเป็นธรรมและเอาเรื่องถึงที่สุด ทั้งนี้เชื่อว่าครูคนอื่น ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ไม่เข้าช่วยเหลือซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบจากโรงเรียน อีกทั้งโรงเรียนไม่ให้ความร่วมมือให้หลักฐานกล้องวงจรปิด และไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองเข้าภายในบริเวณโรงเรียน

ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ระบุว่า ครูต้องมีใบอนุญาตกำกับดูแล หากกระทำรุนแรงกับเด็ก ถือว่าผิดกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งการที่ครูจุ๋มอ้างว่าเครียดและป่วยทางจิต เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น

ขณะที่ ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ได้เชิญผู้ปกครองมาที่กระทรวงศึกษาธิการเพื่อรับฟังปัญหา และร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเยียวยาจิตใจเด็กและผู้ปกครอง ส่วนบทลงโทษขั้นสูงสุดของกระทรวงศึกษาธิการ จะลงโทษผู้ก่อเหตุรวมทั้งครูที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ไม่ช่วยเหลือเด็ก ในส่วนของโรงเรียน อาจมีสิทธิ์ถึงขั้นปิดโรงเรียน