ฎีกาฯ สั่งจำคุก 'วัฒนา เมืองสุข' 50 ปี คดีบ้านเอื้ออาทร เจ้าตัวขอใช้สิทธิ์อุทธรณ์สู้ต่อ

เลือกตั้งและการเมือง

ฎีกาฯ สั่งจำคุก 'วัฒนา เมืองสุข' 50 ปี คดีบ้านเอื้ออาทร เจ้าตัวขอใช้สิทธิ์อุทธรณ์สู้ต่อ

โดย

24 ก.ย. 2563

912 views

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เป็นเวลา 99 ปี แต่โทษจำคุกได้สูงสุด 50ปี ในคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร พร้อมกับชดใช้เงินกว่า 1พันล้านบาท ส่วนนายอริสมันต์ ศาลสั่งให้ชดใช้เงิน 40 ล้านบาท
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (24 ก.ย.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่มี นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในรัฐบาล "ทักษิณ 2" คือช่วงปี 2548 - 2549 พร้อมพวกรวม 14 คน เป็นจำเลย 
โดยศาลได้สั่งให้จำคุกนายวัฒนา จำเลยที่ 1 รวม 11กระทง กระทงละ 9 ปี รวมเป็นเวลา 99 ปี แต่ตามกฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี ส่วนจำเลยคนอื่นๆ คือ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ "เสี่ยเปี๋ยง" จำเลยที่ 4 ศาลสั่งจำคุกเป็นเวลา 66 ปี จำคุกจริง 50 ปี และร่วมกับนายวัฒนาในการชดใช้เงิน  นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง จำเลยที่ 10 โดนสั่งจำคุก เป็นเวลา 4 ปี  ส่วนจำเลยคนอื่นที่ถูกสั่งจำคุก ก็มีตั้งแต่ 20 ปี 32 ปี และ 44 ปี และสั่งยกฟ้องจำเลยบางส่วน ซึ่งเป็นอดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ
พร้อมกันนี้ ศาลยังสั่งให้นายวัฒนา เมืองสุข,  นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง, นส.กรองทอง และบริษัทเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ร่วมกันชดใช้เงินเป็นจำนวนกว่า 1,323 ล้านบาท มูลค่าเท่าจำนวนที่ศาลสั่งริบทรัพย์  นส.รัตนา ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง ชดใช้กว่า 700 ล้านบาท  นส.รุ่งเรือง ซึ่งเป็นแม่บ้านของบริษัทเพรซิเดน ชดใช้เงินกว่า 1 พันล้านบาท และนายอริสมันต์ ชดใช้เงิน 40 ล้านบาท 
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้ว คู่ความสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ ภายใน 30 วัน ซึ่งศาลได้อนุญาตให้นายวัฒนาได้รับการประกันตัวชั่วคราวเพื่อยื่นอุทธรณ์คดีด้วยหลักทรัพย์ 10 ล้านบาท เป็นเงินในบัญชีธนาคารหลักทรัพย์ 5 ล้านบาท และเพิ่มเงินสดอีก 5 ล้านบาท โดยนายวัฒนายืนยันจะไม่หลบหนี โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นได้รับอนุญาต
โดยศาลได้ออกหมายจับจำเลยที่ 6 น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว ,จำเลยที่ 7 นางสาวรุ่งเรือง ขุนปัญญา และจำเลยที่ 10 นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เพื่อให้นำตัวมารับโทษ
คดีนี้ศาลวินิจฉัย ว่ามีขบวนการเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการตามฟ้องจริง โดยมีนายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 4 เป็นตัวกลาง ในขบวนการเรียกเงินจากผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งเสี่ยเปี๋ยง มีการอ้างอำนาจของ นายวัฒนา มีการติดต่อในลักษณะข่มขืนใจแก่ผู้ประกอบการ ที่ประสงค์เข้าดำเนินการโครงการบ้านเอื้ออาทร เพื่อขายให้แก่การเคหะแห่งชาติ
โดยมี นส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา จำเลยที่ 7 ซึ่งเป็นแม่บ้าน ของบริษัท ทำหน้าที่เป็นผู้โทรศัทพ์ติดตามทวงเงินจากผู้ประกอบการ และรับเช็คมาจากผู้ประกอบการ ซึ่งนายวัฒนา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในสมัยนั้น เป็นผู้กำหนดแนวทางในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการบ้านเอื้ออาทร และน่าจะทราบข้อเท็จจริง ที่มีการเรียกรับเงินจำนวนสูงมาก และเป็นไปไม่ได้ที่ จำเลยที่ร่วมกระทำผิดเป็นบุคคลภายนอกจะสามารถทำได้เอง 

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ