ทนาย 'บอส' ขอสังคมอย่ามีอคติ เปิดหลักฐานเงินเยียวยา 'ดาบวิเชียร' จัดงานศพ-สร้างโบสถ์อุทิศ

สังคม

ทนาย 'บอส' ขอสังคมอย่ามีอคติ เปิดหลักฐานเงินเยียวยา 'ดาบวิเชียร' จัดงานศพ-สร้างโบสถ์อุทิศ

โดย

13 ส.ค. 2563

821 views

จากกรณีที่นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดที่ยื่นหนังสือลาออก หลังมีคำสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหานายวรยุทธ อยู่วิทยา ล่าสุดนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) กล่าวถึงการดำเนินการทางวินัยกับนายเนตรว่า

หากอัยการจะลาออกต้องให้อัยการสูงสุด (อสส.) สั่งอนุญาตแล้วให้ถือว่าพ้นจากตำแหน่ง แต่หาก อสส.พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการ จะยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกไว้เป็นเวลาไม่เกิน 3 เดือนนับแต่วันขอลาออกก็ได้ กรณีนี้ต้องไปดูว่า อสส.มีคำสั่งอย่างไร อนุญาตหรือยับยั้งหรือไม่ หากมีคำสั่งอนุญาตให้นายเนตรลาออก ไม่สามารถที่จะดำเนินการสอบวินัยได้ เพราะนายเนตรลาออกก่อนที่จะมีการเริ่มต้นกระบวนการสอบวินัย

แต่ถ้ามีการเริ่มกระบวนการทางวินัยแล้ว ข้าราชการลาออกทีหลัง แบบนี้ถึงสอบวินัยได้ต่อ และต้องอย่าลืมว่ายังมีเรื่องคดีอาญา ที่น่ากลัวกว่าการสอบวินัย ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบดุลพินิจยังต้องดำเนินต่อไป เพราะแม้จะลาออกพ้นไปแล้ว ก็ต้องมีหน้าที่มาให้การเพื่อให้ทราบ การสอบสวนครั้งนี้อัยการต้องชี้แจงต่อสังคมได้

ด้านนายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความประจำครอบครัวอยู่วิทยา ให้สัมภาษณ์ว่าครอบครัวของนายวรยุทธ ได้รับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของ ด.ต.วิเชียร ด้วยการเยียวยาเป็นมูลค่าเงิน 3 ล้านบาท ผ่านนายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ พี่ชายของ ด.ต.วิเชียร นอกจากนั้นยังจัดพิธีศพให้เป็นมูลค่า 5 แสนบาท , ชดใช้ค่าวิทยุสื่อสารของตำรวจที่สูญหาย และซ่อมรถจักรยานยนต์ตำรวจให้

รวมถึงได้ทำตามความประสงค์ของ ด.ต.วิเชียร ก่อนเสียชีวิต ที่ต้องการทำบุญบูรณะและสร้างอุโบสถ โดยทางครอบครัวอยู่วิทยาได้ดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นที่วัดศรีบุญเรือง จ.สกลนคร มูลค่า 8 ล้านบาทเพื่ออุทิศให้ดาบตำรวจวิเชียรฯ ที่เสียชีวิต และร่วมบริจาคเงินให้กับมูลนิธิเพื่อการกุศลต่างๆ ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยแจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนหรือสาธารณะ และการเยียวยาเป็นตัวเงินและจิตใจดังกล่าวไม่เคยหวังผลทางคดี

ซึ่งการเยียวยาทั้งตัวเงินและจิตใจนั้นครอบครัว ด.ต.วิเชียร พอใจ เพราะนายพรอนันต์เคยเขียนจดหมายขอบคุณครอบครัวนายวรยุทธที่ช่วยจัดการงานศพ และช่วยเหลือญาติๆ ของด.ต.วิเชียร พร้อมระบุว่าเหตุการณ์สูญเสียที่เกิดขึ้นไม่ติดใจเอาความ พร้อมอโหสิกรรมให้กับนายวรยุทธและฝากเตือนให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ

“กระแสข่าวที่โจมตีฝั่งนายบอสนั้น คือ การฟังความข้างเดียวและได้ร้บข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง หากทำใจเป็นกลางและพิจารณารายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้น ด.ต.วิเชียร ขับรถตัดหน้ารถกะบะจากเลนซ้ายสุดไปเลนที่ 3 ทำให้เกิดการชนกันในเลนขวาสุด โดยเป็นเหตุสุดวิสัย และสามารถยกฟ้องได้ ดังนั้น เมื่อคนคิดว่าชนแล้วต้องผิด แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้คือไม่ใช่ เราใช้ช่องทางตามกฎหมายในการร้องขอความเป็นธรรม คุณบอสเขาไปรายงานตัวตามนัดทุกครั้ง และเมื่อเขาไปต่างประเทศ คุณออกหมายจับและถอนพาสปอร์ตเขา แบบนี้เขาจะกลับเข้าประเทศได้อย่างไร” นายสมัคร กล่าว

ส่วนกรณีที่อัยการวินิจฉัยเรื่องคดีว่าไม่ผิด หรือตำรวจบอกว่าสำนวนนี้ไม่ผิด ไม่ใช่ความผิดของทนายหรือนายวรยุทธ เพราะเป็นหน้าที่ที่อัยการจะวินิจฉัย แต่หากอัยการบอกว่าผิดต้องไปสู้กันต่อที่ศาล ดังนั้น ตนขอวิงวอนให้ประชาชนเข้าใจข้อเท็จจริง และวางใจเป็นกลาง ไม่ใช่มองว่าเพราะเป็นลูกคนรวยแล้วรอดคดี

ซึ่งจากรายงานการร้องเรียนขอความเป็นธรรม ของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ต่อคณะกรรมาธิการกฏหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ลง วันที่ 4 พ.ค.2559 มีการกล่าวอ้างว่าคดีนี้ครอบครัวผู้ตาย ยินยอมรับหนังสือระบุว่า

เรียน ครอบครัวอยู่วิทยา

จากเหตุการณ์ อุบัติเหตุกับ ด.ต.วิเชียร ยังความโศกเศร้าให้กับครอบครัวกลั่นประเสริฐ  ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น นับว่าเป็นความสูญเสีย เสียใจทั้งสองฝ่าย อดีตที่ไม่มีใครเรียกคืนมาได้ ทุกคนต้องอยู่กับปัจจุบัน และดำเนินชีวิตต่อ ผมและญาติของ ด.ต.วิเชียร ก็อโหสิกรรมให้กับน้องผู้ก่อเหตุแล้ว และขอให้น้องเขาดำเนินชีวิตอย่างมีสติ เหตุครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน

ท้ายสุดต้องขอขอบคุณ ครอบครัวอยู่วิทยา และ ส.น.ทองหล่อ ที่ช่วยจัดการเกี่ยวกับ พิธีศพของ ด.ต.วิเชียร และให้ความช่วยเหลือญาติของ ด.ต.วิเชียร ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ลงชื่อรับสำเนาโดย พรอนันต์ กลั่นประเสริฐ และ วรยุทธ อยู่วิทยา

นอกจากนี้มีบันทึกการตกลงเจรจาค่าช่วยเหลือลงวันที่ 19 กันยายน 2555 ระบุว่า

จากกรณี วันที่ 3 ก.ย.2555 เวลาประมาณ 05.30 น.ได้เกิดเหตุรถเก๋งยี่ห้องเฟอรารี่ ที่ขับโดย นายวรยุทธ​อยู่วิทยา เฉี่ยวชน รถจักรยานยนต์ตราโล่ ได้รับความเสียหาย เป็นเหตุให้ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ถึงแก่ความตรย ที่บริเวณ ถ.สุขุมวิท 47 กับ ซ.สุขุมวิท 49 นั้น ตัวแทนของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายนัดเจราจาเกี่ยวกับการช่วยเหลือ ประกอบด้วย นายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ พี่ชายของผู้ตาย และนายภูมิ เทพหัสดิน ณ.อยุธยา ผู้แทนของนายวิทยา

ซึ่งฝ่ายนายพรอนันต์ ตัวแทนฝ่ายทายาท ด.ต.วิเชียร ได้เรียกร้องค่าช่วยเหลือ คำนวณตามจำนวนเงินที่ ด.ต.วิเชียร ควรจะได้รับหากยังมีชีวิตและรับราชการอยู่ เป็นเงิน 6 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงที่ด.ต.วิเชียร ยังคงมีชีวิตอยู่นั้น ได้ทำหน้าที่ดูแลช่วยเหลือพี่สาวที่มีอาการป่วย และช่วยเหลือด้านการเงินกับหลานที่กำลังศึกษาอยู่ตลอดมา

ขณะที่นายภูมิ ตัวแทนฝ่ายนายวรยุทธ ได้รับทราบข้อเสนอของนายพรอนันต์แล้ว แจ้งว่า ทางฝ่ายนายวรยุทธ ได้เสนอช่วยเหลือ ให้กับฝ่ายนายพรอนันต์ เป็นเงิน 3 ล้านบาท

ซึ่งฝ่ายนายพรอนันต์ พอใจตามจำนวนที่ฝ่าย นายวรยุทธ ได้เสนอช่วยเหลือ จึงนัดหมายกันในวันที่ 20 กันยายน เวลา 14.00 น.ที่ส.น.ทองหล่อง โดยทางฝ่าย นายวรยุทธ จะนำแคชเชียร์เช็ค มามอบให้ ซึ่งนายพรอนันต์ ในฐานะตัวแทนของฝ่ายญาติ ด.ต.วิเชียร รับว่า หากได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะไม่ติดใจที่จะฟ้องร้อง และระบุด้วยว่า ตามข้อตกลงข้างต้น คู่กรณีได้ทำการตกลงกันเองโดยสมัครใจ มิได้มีผู้หนึ่งผู้ใด บังคับ ขู่เข็ญ และมีบันทึกประจำวันที่ ส.น.ทองหล่อ อีกหนึ่งฉบับ

และในหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ของนายวรยุทธ ต่อ ประธานคณะกรรมาธิการกฏหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. 2557

นายวรยุทธ​ระบุด้วยว่า

"ข้าฯกราบเรียนว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่ความประมาทของข้าฯ ข้าฯและครอบครัวได้ไปขอขมาและร่วมงานศพทุกวัน โดยได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการจัดงานศพของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้ตาย และก็ได้เยียวยาให้ความช่วยเหลือญาติผู้ตาย จนเป็นที่พอใจโดยไม่รอให้คดีสิ้นสุด และเป็นความผิดของฝ่ายใด อีกทั้งยังได้สร้างพระและอุโบสถ ที่วัดศรีบุญเรือง จ.สกลนครและทำบุญต่างๆเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ ด.ต.วิเชียร มาโดยตลอด

ซึ่งการยินยอมรับความช่วยเหลือของผู้ตาย ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่อัยการสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาด นายวรยุทธ ตามหนังสือลงวันที่ 12 มิ.ย.2563 ด้วย

ซึ่งจากหลักฐานทั้งหมดตรงกับที่ นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความประจำครอบครัวอยู่วิทยา ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ที่ผ่านมา ครอบครัวของนายวรยุทธ ได้รับผิดชอบความสูญเสียให้ครอบครัว ด.ต.วิเชียร เป็นเงิน 3 ล้านบาท และช่วยค่าทำศพ 5 แสนบาท และทำบุญสร้างอุโบสถหลังใหม่ที่วัดศรีบุญเรือง จ.สกลนคร มูลค่า 8 ล้านบาท เพื่ออุทิศให้ ด.ต.วิเชียร ที่เสียชีวิต

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/XbZ1EH5QTv4

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ