'บิ๊กแดง' ย้ำ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ เป็นแขกของรัฐบาล กางข้อยกเว้นไม่ต้องกักตัว

เลือกตั้งและการเมือง

'บิ๊กแดง' ย้ำ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ เป็นแขกของรัฐบาล กางข้อยกเว้นไม่ต้องกักตัว

โดย

9 ก.ค. 2563

7.1K views

พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ชี้แจงการเดินทางมาเยือนไทยของผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ โดยไม่มีการกักตัวตามมาตรฐานป้องกันการเเพร่ระบาดโควิด-19 ว่า ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯและคณะ จะอยู่ในไทยเพียงวันเดียว และเดินทางกลับในวันที่ 10 กรกฎาคม หลังเข้าพบ นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเป็นวาระผูกพันเพื่อลงนามในการแถลงวิสัยทัศน์ร่วมระหว่างกองทัพบก ไทย-สหรัฐฯ ซึ่งมีข้อตกลงเรื่องการฝึก การศึกษาแลกเปลี่ยน ยืนยันว่า คณะผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ ไม่เคยปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบใดๆ ของไทย หรือขอยกเว้น 
นอกจากนี้ ผบ.ทบ. ยังนำเอกสารข้อกําหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 12 โดยคณะของ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ จัดอยู่ในกลุ่ม 2 จากทั้งหมด 11 กลุ่ม คือ ผู้มีเหตุยกเว้นหรือ เป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน กำหนด อนุญาต หรือเชิญให้เข้ามาในราชอาณาจักรได้ตาม ความจำเป็น โดยอาจกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาก็ได้ 
และคำสั่ง ศบค. ที่ 7/2563 สำหรับกลุ่ม 2 จะมีเพียงเรื่องของการคัดกรอง, ตรวจเอกสาร, ตรวจหาเชื้อโควิด, การมีผู้ติดตามด้านการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในราชอาณาจักร และเดินทางโดยยานพาหนะที่จัดเตรียมไว้ ตามแผนการเดินทางที่กำหนดเท่านั้น โดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าติดตามตลอด 
นอกจากนี้ผู้บัญชาการทหารบก ระบุถึงกระแสข่าวจะต่ออายุราชการหลังเกษียณ 30 กันยายน 2563 ว่า ขอย้ำจากใจตนเองในฐานะทหารอาชีพและตามแนวทางการรับราชการที่ถูกกำหนดไว้ชัดเจนว่า ทหารทุกคน ต้องเกษียณอายุราชการ แต่ก็มีบางกรณีที่ไปคุ้ยถึงเรื่องทหารบางคนที่ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ขออย่าสร้างกระแสเพราะโดยส่วนตัวยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎระเบียบของกระทรวงกลาโหม ในการเกษียณอายุราชการ
ผู้บัญชาการทหารบกระบุว่าในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพวันนี้ก็ได้มีการพูดคุยถึงกระแสการต่ออายุราชการ ซึ่งไม่ใช่ข่าวในเชิงที่สร้างสรรค์ และทำให้เกิดความขัดแย้ง และมองว่าไม่มีสาระและไม่มีข้อเท็จจริงใดๆทั้งสิ้น โดยย้ำว่า 30 กันยายนนี้ จะส่งธงแล้วและหมดภาระหน้าที่ถือว่าจบภารกิจในการเป็นผู้บัญชาการทหารบก
พร้อมย้ำว่า อยากให้บุคคลที่สร้างกระแสต่างๆ นำความจริงมาพูดกัน โดยเฉพาะการใช้สื่อสังคมออนไลน์โจมตีกัน และยืนยันว่า ไม่ได้มีความกังวลเรื่องใดเพราะจากที่รับราชการมาได้ทำทุกเรื่องที่คิดว่าดีที่สุดต่อกองทัพ และต่อประเทศชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเทิดทูนสถาบัน
ซึ่งหลังจากนี้ผู้ที่จะมารับหน้าที่ต่อก็ต้อสืบสานต่อกันไปไม่ว่าจะเป็นเหล่าทัพใดก็ตาม และในช่วงเดือนสิงหาคมนี้จะแถลงผลงานของกองทัพบกในหลายเรื่องเพราะที่ผ่านมาก็ยังมีผู้ที่มาโจมตี เช่น เรื่องศูนย์ร้องทุกข์ทั้งนี้จะสรุปผลงานต่างๆ ด้วยตนเอง เพราะกองทัพบกเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ไม่จำเป็นต้องมานั่งรายงานทุกเรื่อง ซึ่งกองทัพบกเป็นหน่วยงานที่มีระเบียบวินัยถือว่าคำพูดเป็นนายเมื่อพูดไปแล้วก็ต้องทำ และกำลังพลเมื่อได้รับคำสั่งก็ต้องปฏิบัติ หากกระทำผิดก็ต้องถูกลงโทษทางวินัย และยืนยันว่าการแก้ปัญหาของกองทัพบกคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะประเด็นโจมตีทาง Social Media
ผู้บัญชาการทหารบก ระบุถึงความคืบหน้าการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารเดือนตุลาคม 2563 ว่า อยู่ที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในการกำหนดวันเวลาส่งบัญชีรายชื่อของแต่ละเหล่าทัพ และในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพวันนี้ก็ได้มีการพูดคุยกันเบื้องต้นแล้ว โดยเชื่อว่า ทุกเหล่าทัพได้มีการมองถึงบุคคลที่มีความเหมาะสมแล้ว เพื่อมาทำงานต่อในทุกตำแหน่งไม่ใช่เฉพาะตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพเท่านั้นซึ่งเป็นแนวทางที่ชัดเจน ทั้งนี้ ตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นเรื่องที่แต่ละเหล่าทัพจะเสนอขึ้นมาและผ่านไปสู่ขั้นตอนการพิจารณาของกองบัญชาการกองทัพไทยและกระทรวงกลาโหมซึ่งมีอีกหลายขั้นตอน
ส่วนกรณีที่ถูกจับตามองหลังเกษียณอายุราชการนั้นก็เป็นเรื่องที่ แต่ละบุคคลจะจับจ้องกันไป และไม่ได้คิดจะทำอะไร สำหรับกรณี ส.ส.พรรคฝ่ายค้านยังตั้งข้อสังเกตการใช้งบประมาณของกองทัพนั้น ขอยืนยันว่า กองทัพได้มีการปรับลดงบประมาณไปแล้ว แต่บางอย่างเป็นงบผูกพัน พร้อมยอมรับว่า ในบางครั้งคนที่ไม่เข้าใจจะชี้แจงอย่างไรก็ไม่เข้าใจ และยืนยันโดยส่วนตัวไม่ยุ่งกับการเมือง แต่ก็มีหน้าที่ชี้แจงต่อประเด็นปัญหา ซึ่งแต่ละฝ่ายก็มีหน้าที่ของตนเอง ทั้งนี้เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่จะต้องมาคานอำนาจตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านแต่ขออย่ามีฝ่ายแค้น
ผู้บัญชาการทหารบก ระบุถึงสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคตผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ จะต้องรับมือ ว่า คงไม่สามารถไปตอบแทนได้ ต้องไปรอวันที่ 1 ตุลาคมนี้ เพราะว่ายังไม่เห็นถึงความวุ่นวายและมั่นใจว่านายมนตรีบริหารราชการแผ่นดินด้วยความโปร่งใส โดยมีความเด็ดขาดซึ่งเห็นได้จากการแก้ปัญหาสถานการณ์ covid-19 ซึ่งทั่วโลกชื่นชมทีมแพทย์และความมีวินัยของคนไทย ที่แตกต่างจากประเทศอื่น ดังนั้น จึงไม่สามารถคาดการณ์อนาคตข้างหน้าได้ ต้องประเมินสถาการณ์แบบรายวัน รายเดือน พร้อมย้ำว่าเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจหมดบทบาทก็จะ Set Zero ตัวเอง
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/KJfE_RL5ZwM

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ