ย้อนรอยคดี 'น้องชมพู่' ผ่านมาแล้ว 51 วัน ยังจับคนร้ายไม่ได้

อาชญากรรม

ย้อนรอยคดี 'น้องชมพู่' ผ่านมาแล้ว 51 วัน ยังจับคนร้ายไม่ได้

โดย

2 ก.ค. 2563

7.7K views

กรณีน้องชมพู่ หรือเด็กหญิงอรวรรณ อายุ 3 ขวบ ที่หายออกจากบ้านเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม และต่อมาอีก 3 วัน ก็พบร่างนอนเสียชีวิตในสภาพเปลือยกาย และนับถึงวันนี้ (2 ก.ค.) เป็นเวลา 51 วัน ที่ตำรวจพยายามที่คลี่คลายการหายออกจากบ้านและเสียชีวิต อย่างมีปริศนาว่า มีใครอยู่เกี่ยวข้องหรืออยู่เบื้องหลังหรือไม่ และท่ามกลางการ ใช้การสอบสวน สืบสวน และนิติวิทยาศาสตร์ ก็ยังไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ตัวผู้ต้องสงสัยได้ในตอนนี้ แต่ตลอด 51 วันที่ผ่านมา ตำรวจได้หลักฐาน พยาน หรืออุปสรรคใดที่ทำให้ คดียังไม่คลี่คลาย 
การเสียชีวิตของเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ ในวัย 3 ขวบ 2 เดือน ที่ อ.ดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ยังเป็นปริศนาให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเร่งหาคำตอบ แม้ในแง่การสืบสวนและหาหลักฐาน ตำรวจใช้คำว่า "ค้นหาแบบปูพรม " แต่ก็ยังไม่ได้หลักฐาน ที่ชัดเจนมากพอที่จะบ่งชี้้ว่าเกี่ยวข้อง
เดิมทีผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของวัตถุพยานที่พบบนร่างของเด็กหญิงที่เสียชีวิต จะเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายคดี แต่ถึงที่สุดก็ไม่ปรากฎว่ามีดีเอ็นเอ หรือสารคัดหลั่งคนอื่นบนตัวผู้ตาย ส่วนผลตรวจบาดแผล ก็ตรงกันทั้งจากแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งใช้คำว่า "ไม่พบบาดแผลที่จะเป็นสาเหตุแห่งการตาย" ขณะที่การตรวจช่องคลอด ไม่พบร่องรอยการล่วงละเมิด 
ส่วนพลตำรวจเอกอชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีตโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอดีตอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ระบุว่า ผลตรวจร่างกายของเด็กหญิงชมพู่ พบว่าเสียชีวิตจากการขาดน้ำ พร้อมให้ข้อสังเกตุว่า เมื่อหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่อาจบ่งชี้ได้ว่าใครเกี่ยวข้อง ก็ไม่ควรมองข้ามการที่เด็กจะเดินเท้าขึ้นไปเอง ซึ่งโดยศักยภาพเด็ก 3 ขวบ ในต่างจังหวัด เชื่อว่าเดินไปเองได้ แต่จะมีเหตุผลใดในการเดินไปเองหรือไม่ ก็ควรเป็นหนึ่งแนวทางในการพิสูจน์ทราบ
ขณะที่การสืบสวนตลอด 51 วันที่ผ่านมา มีทั้งเดินเก็บข้อมูลจากทุกครัวเรือน เพื่อบันทึกถิ่นที่อยู่ที่ชัดเจน ในห้วงเวลาที่เกิดเหตุ แต่น้ำหนักการหาข้อมูลบางช่วง มุ่งตรงไปยังคนใกล้ชิดคือ นายไชย์พล วิภา ซึ่งมีฐานะเป็นลุงเขยของน้องชมพู่ 
โดยตำรวจมุ่งปมสงสัยความขัดแย้งที่เคยมีกับครอบครัว รวมถึงเป็นคนใกล้ชิดน้องชมพู่มากคนหนึ่ง นอกเหนือจากพ่อและแม่ และข้อมูลถิ่นที่อยู่บางช่วงจากปากคำนายไชย์พล ที่อาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง แต่ถึงที่สุดก็ไม่พบปมสงสัยไปมากกว่านี้ และรองผู้บัญชาการตำรวจชาติ ที่บัญชาการเหตุการณ์ ก็ย้ำว่า การเชิญใครมาสอบปากคำ แม้บ่อยครั้ง ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเพ่งเล็งว่าเป็นผู้ต้องหา 
หนึ่งในข้อสันนิษฐานของตำรวจคือ หากมีผู้ทำให้น้องชมพู่เสียชีวิต ผู้นั้นก็น่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ และมีโอาสเข้าใกล้ผู้ตายได้มากที่สุด ด้วยเหตุนี้ผู้ถูกเชิญไปให้ข้อมูล ซึ่งนอกจากลุงเขยแล้ว ยังรวมถึงพ่อ แม่ และพี่สาวของน้องชมพู่เอง เพื่อหาปมว่าครอบครัวขัดแย้งกับผู้อื่น จนทำให้น้องชมพู่ ถูกกระทำในลักษณะเป็นตัวประกัน หรือเพื่อต่อรองหรือไม่ แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสดังกล่าว และแม้ว่าล่าสุดตำรวจจะจับชายในหมู่บ้าน 1 คน ข้อหากระทำอนาจารเด็กในหมู่บ้านเดียวกัน แต่ก็ชัดเจนว่าเป็นคนละกรณีกับ คดีน้องชมพู่ และศาลอนุญาต ให้ผู้ต้องหาคนดังกล่าวประกันตัวระหว่างสู้คดี
ทำให้ขณะนี้ผ่านมา 51 วัน การหาตัวผู้ต้องสงสัย หรือคลี่คลายคดียังไม่คืบหน้ามากนัก เพราะหลักฐานสำคัญคือนิติวิทยาศาตร์ไม่ปรากฎ ส่วนข้อสันนิษฐานว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่น้องชมพู่วัย 3 ขวบ เดินขึ้นเขาไปเองแล้วหลงทาง จนเสียชีวิตเพราะร่างกายขาดน้ำ ก็ยังเป็นข้อสงสัยที่ยังหาหลักฐานไม่ได้เช่นกัน

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ