นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงมาตรการดูแลและเยียวยาโควิด-19 ระยะที่ 3 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบการออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) กู้เงินเพื่อการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ วงเงิน 1 ล้านล้านบาท

เพื่อนำไปใช้ในงานดูแลผลกระทบ เยียวยาประชาชน 6 เดือน / เยียวยาเกษตรกร และ ดูแลงานด้านสาธารณสุข รวมวงเงิน 6 แสนล้านบาท และนำไปใช้ในส่วนแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เช่น การสนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจและชุมชน และ สนับสนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระดับพื้นที่รวมวงเงิน 4 แสนล้านบาท

โดยให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินไม่เงิน 1 ล้านล้านบาท เน้นสกุลเงินบาทเป็นหลัก ให้เสร็จภายใน 30 ก.ย.64 (มีเวลา 1 ปี 6 เดือน) โดยเป็นการทยอยกู้ให้สอดคล้องกับความต้องการ ซึ่งไม่จำเป็นต้องกู้ทั้งหมด 1 ล้านล้านบาทก็ได้

ขั้นตอนหลังจากนี้ ร่าง พ.ร.ก.ฯ จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการร่างกฤษฎีกา และ จัดทำร่างระเบียบการใช้งบประมาณในทางปฏิบัติ ของสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้หน่วยงานเข้าใจถึงแนวทางการใช้เงิน คาดว่า มีผลบังคับใช้ภายในเมษายนนี้ จากนั้น กระทรวงการคลังจะเร่งดำเนินการจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมภายในต้นเดือนพฤษภาคม จะเริ่มได้

ส่วนอีก 9 แสนล้านบาท เป็น พ.ร.ก. ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยออก หรือซอฟท์โลน เพื่อดูแลภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี 5 แสนล้านบาท โดยจะใช้ในการให้สินเชื่อใหม่วงเงิน 5 แสนล้านบาท ดอกเบี้ย 2% สำหรับเอสเอ็มอี ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 500 ล้านบาท และ ธนาคารพาณิชย์ พักชำระหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย นาน 6 เดือน ให้เอสเอ็มอีที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท

และอีก 4 แสนล้านบาท จะอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ดูแลเสถียรภาพภาคการเงิน โดยการตั้งกองทุนรวม BSF และให้แบงก์ชาติซื้อขายหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าว

ทั้งนี้การวางระยะเวลาการกู้เงินยาวไปถึงปีงบประมาณ 64 จะช่วยให้อัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี อยู่ที่ 57% ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่สูงเกินไป

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/uPiy9fT31xg