แพทย์เตือน! เชื้อโควิด-19 ล่องลอยในอากาศได้นานถึง 3 ชม.ไม่ต่างจากวัณโรค ย้ำเวลาเหลือน้อยต้องปิดประเทศ-ปิดบ้าน

ข่าวโซเชียล

แพทย์เตือน! เชื้อโควิด-19 ล่องลอยในอากาศได้นานถึง 3 ชม.ไม่ต่างจากวัณโรค ย้ำเวลาเหลือน้อยต้องปิดประเทศ-ปิดบ้าน

โดย

1 เม.ย. 2563

188.1K views

จากรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า เพราะอะไรการติดเชื้อไวรรัสโควิด-19 ในหลายประเทศไม่เหมือนกัน มีควงามแตกต่างอะไรหรือไม่นั้น ล่าสุด นพ.มนูญ ได้ออกมาเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่เชื้อโควิด-19 มีโอกาสที่จะอยู่บนอากาศได้นาน ขณะ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ย้ำเหลือเวลาไม่มากไทยต้องปิดประเทศ-ปิดบ้าน
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC'  โดยระบุว่า มีข้อมูลล่าสุดสนับสนุนว่าผู้ป่วยโควิด-19 ระยะฟักตัวสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสทางอากาศ airborne transmission ไม่ต่างจากวัณโรค ขณะร้องเพลงร่วมกับผู้อื่น
สื่ออเมริกาลงข่าว กลุ่มนักร้องประสานเสียงในโบสถ์แห่งหนึ่งที่รัฐวอชิงตัน(ดูรูป) จำนวน 45 คนจาก 60 คน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และเสียชีวิต 2 คนภายใน 3 สัปดาห์ ทั้งที่ทุกคนที่มาร้องเพลงเป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง วันที่ 10 มี.ค. ไม่มีใครไอ ไม่มีใครป่วย พวกเขาป้องกันตัวเองทุกอย่าง ล้างมือ ยืนรักษาระยะห่าง 1-2 เมตร ไม่แตะตัวหรือแตะต้องสิ่งของอะไร แต่ปรากฏว่าเมื่อสมาชิกนักร้องกลุ่มนี้แยกย้ายกันกลับบ้าน
บางคนเริ่มไม่สบายจนตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ถึง 45 คนและป่วยเสียชีวิตไป 2 คน แสดงว่าขณะที่คนที่อยู่ในระยะฟักตัว ร้องเพลงเปล่งเสียงสูงออกมามีละอองฝอย (droplet nuclei) ฟุ้งกระจายออกมา เป็นละอองฝอยขนาดเล็ก ไม่ใช่น้ำลายหรือเสมหะ ละอองเล็กขนาดต่ำกว่า 5 ไมครอน ล่องลอยไปในอากาศ ทำให้คนที่อยู่ห่างออกไปไกลๆ ก็ติดเชื้อได้ ไม่ใช่จากการไอจามรดกัน การสัมผัสเนื้อตัวหรือสิ่งของร่วมกัน
จำกรณีของป้าประเทศเกาหลีใต้ที่ไปร้องเพลงในโบสถ์เมืองแทกูได้ไหม รายนั้นก็เป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์ แพร่เชื้อให้กับสมาชิกของโบสถ์ที่ร่วมร้องเพลง 40-50 คนผ่านการเปล่งเสียงร้องเพลงเช่นกัน หรือกรณีสนามมวยลุมพินีของไทย ก็มีการวัดไข้ และล้างมือทุกคนก่อนเข้าชมมวย เซียนมวยคงอยู่ในระยะฟักตัวคนหนึ่ง ตะโกนส่งเสียงเชียร์แล้วมีละอองฝอยออกมาล่องลอยไปติดคนอื่น 50-60 คน แสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของเชื้อไวรัสตัวนี้ เชื้อโควิดติดต่อกันง่าย และอันตรายกว่าไข้หวัดใหญ่หลายเท่า
ปัจจุบันมีหลักฐานจากการทดลองในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถล่องลอย มีชีวิต อยู่ในอากาศนานถึง 3 ชั่วโมง
ต่อไปนี้ถ้าต้องร้องเพลง ตะโกนเชียร์กีฬา และมีคนอยู่ด้วยกันหลายคน คนที่ร้องหรือตะโกน ต้องใส่หน้ากากอนามัย เพราะอาจอยู่ในระยะฟักตัวโดยที่ตัวเองไม่รู้ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อทางอากาศให้กับผู้อื่นเป็นวงกว้าง
ขณะที่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาดชาดไทย  ได้โพสต์ข้อความเน้นย้ำให้ปิดประเทศเพื่อให้ลดการติดเชื้อ โดยระบุข้อความว่า
ถ้าเราทำเช่นนั้นอาจทำให้เราทราบว่าถึงเวลาที่ “เกือบเป็นปกติ” เมื่อไรและหลังจาก 21 วันแล้ว ต้องตามติดด้วยอย่างอื่น ไม่ใช่จบลงห้วนๆ ที่ 21 วัน แต่แน่นอนจะเป็นประเทศที่สะอาด และสมบูรณ์ ในที่สุดในช่วงปิดบ้านแน่นอนต้องมีกระบวนการช่วยเรื่องอาหารและเครื่องใช้และในกรณีที่สถานที่แออัดขับแคบจำเป็นที่จะต้องในสถานที่พักพิงเพื่อให้ผ่านช่วงระยะเวลานั้นได้
สาเหตุสำคัญที่ต้องปิดประเทศและต้องปิดบ้านแยกกันอยู่
1. ไม่มียา ยาที่คิดว่าจะใช้ได้ มีการรายงานมาหลายคราว และล่าสุดในวารสาร นิวอิงแลนด์ 18 มีนาคม ว่า ยา lopinavir/ritonavir ไม่ได้ผล มีแต่ยาchloroquine ที่รักษามาลาเรีย ที่เราพอหาได้ กับ favipiravir (ผลิตที่ญี่ปุ่นและจีน) ที่เรามีจำนวนจำกัดมากสำหรับคน 600 ถึง 700 คนเท่านั้นและภาวนาให้มีพอเป็นหมื่นๆคน (1คนใช้ 70 เม็ด)
2. ระบบสาธารณสุข กายภาพ อุปกรณ์ กำลังคน เตียง แยกอาการหนัก ที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิตและก่อให้เกิดละอองที่จะให้เกิดการติดต่อทางการหายใจ ควรต้องเป็นห้องความดันลบจริงๆ ที่ทั้งประเทศ มี 100 กว่าห้อง (ใช่หรือไม่) และกระจัดกระจายอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆแห่งละไม่มากห้องที่ดัดแปลงรวมทั้งห้องแยกอื่นๆ รวมทั้งไอซียู มีพอจริงหรือไม่ รวมทั้งเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ช่วยชีวิต
นอกจากนี้ ห้องเหล่านี้ในโรงพยาบาลหลายแห่งใช้เครื่องปรับอากาศรวมถ้ามีการใช้อุปกรณ์ ที่ก่อให้เกิดการติดต่อทางการหายใจจะสามารถแพร่กระจายไปกว้างขวางบุคลากรมีหมอทั่วประเทศไม่ถึง 30,000 คนและเป็นหมอติดเชื้อ ทางปอด และภาวะวิกฤตมีอาจจะเป็นจำนวน 1000 หรือน้อยกว่าและถ้าเกิดเหตุวิกฤตเอาหมอทั่วไปที่ไม่ชำนาญในการดูคนไข้ และการใส่ชุดปกป้องตัวเองแทนที่จะช่วยกลับติดโรค และกลายเป็นภาระให้ต้องรักษาต่อ ทางพยาบาล นักวิทยาศาสตร์ เทคนิคการแพทย์จะยิ่งแล้วใหญ่ โดยที่ขณะนี้งานหนักมหาศาลอยู่แล้ว และคนไข้แออัดเต็ม วอร์ด เต็มไอซียูและครองเตียง ครองเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ช่วยชีวิตไปหมดแล้ว
3. ถึงวันนี้เป็นวาระสุดท้ายที่ต้องก้าวนำเชื้อโรคไม่ใช่เกิดวิกฤติรุกล้ำเข้าไปในระบบสาธารณสุขมากกว่านี้ด้งที่มีข้อจำกัดมาก ดังข้อ 1-2 ถ้ายังคงก้าวตามหลัง ดูตามตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต โดยไม่ได้ตระหนักว่าโรคนี้การติดต่อ จากบุคคลสู่บุคคลเป็นลูกโซ่ และยากที่จะจำกัดผู้ติดเชื้อและผู้ใกล้ชิด ที่แพร่เชื้อได้
ทั้งนี้เนื่องจากผู้ติดเชื้อที่เป็นหนุ่มสาวแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวจะเป็นคนแพร่เชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ว่าในที่ทำงาน ในระหว่างการเดินทางด้วยรถสาธารณะ หลังเวลาทำงานไปแพร่ระหว่างกลุ่มคนอีกมากมายและเมื่อเชื้อแพร่เข้าไปในกลุ่มคนเปราะบางสูงอายุและมีโรคประจำตัวและเมื่อเชื้อเข้าไปในโรงพยาบาลจากญาติผู้ป่วยที่เข้าไปเยี่ยมโดยมีการติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือน้อยมากจนตรวจจับไม่พบเมื่อนั้นก็จะเป็นการแพร่อย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะใน รพ. ที่แออัด ตั้งแต่ ที่จอดรถ หอ ผู้ป่วยนอกและแน่นอน แพร่ไปทุกพื้นที่การปิดบ้าน ปิดเมืองเดี่ยว ยากที่จะทำให้ประเทศสะอาดเรียนจากประเทศจีน เรียนจากประเทศอื่นๆ ที่ไม่ยอมรับบทเรียนและวิธีแก้ไขจากประเทศจีนเราฟื้นความมั่นใจความเขื่อมั่นรวมทั้งเศรษฐกิจได้ค่าเราทำจริงเราเหลือเวลาน้อยมาก
ชมผ่านยูทูป : https://youtu.be/iWdAwdPtW9A

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ