สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ที่สหรัฐอเมริกา มหานครนิวยอร์กอาการหนักแล้ว หลังมีรายงานผู้ติดเชื้อ 15,597 ราย และเสียชีวิต 192 คน คิดเป็น 30% ของผู้ติดเชื้อทั่วอเมริกา

โดยมหานครนิวยอร์ก มีประชากรอยู่ราว 8.6 ล้านคน ขณะนี้มีผู้ติดเชื้่อแล้ว 1.5 หมื่นคน จึงต้องใช้มาตรการควบคุมอย่างเข้มข้น

แต่ปรากฎว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เมินคำเตือนขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ที่ออกมาเตือนว่าสหรัฐฯอาจจะกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดใหม่ของโลก โดยการประกาศจะปลดมาตรการล็อคดาวน์ในหลายเมือง ภายในวันที่ 12 เม.ย. 63 ซึ่งตรงกับวันเทศกาลอีสเตอร์

โดยระบุว่าได้รับการสนับสนุนจากหลายคน และประเทศสหรัฐไม่ได้สร้างมาเพื่อชัตดาวน์ตัวเอง และการชัตดาวน์คือการทำลายประเทศให้พัง ซึ่งสวนทางกับองค์การอนามัยโลกอย่างชัดเจน

ส่วนที่ประเทศโรมาเนีย มีเรื่องน่าตกใจเมื่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลแห่งนี้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 83 คน จนนำไปสู่การปลดผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งนี้ทันที เนื่องจากบริหารจัดการได้แย่ โดยใน 83 คน เป็นแพทย์ 34 คน พยาบล 49 คน

อีกด้านพยาบาลสาวชาวอิตาเลียน วัย 34 ปี ตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังติดโควิด-19 โดยเทรซซี ทำหน้าที่แนวหน้าอยู่ในห้องไอซียู ในโรงพยาบาลที่แคว้นลอมบาร์ดี เธออยู่ภายใต้ภาวะเครียดอย่างที่สุด ก่อนหน้านี้พบว่าเธอเคยบอกเสมอว่าไม่ต้องการให้คนอื่นติดโควิด-19 ต่อจากเธอ ไม่ต้องการแพร่เชื้อให้กับคนอื่น ซึ่งคาดการณ์ว่านี่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เธอจบชีวิตตัวเอง