สังคม

อคส.เตรียมเปิดประมูลข้าว 10 ปี กลางเดือนนี้ คาดมุ่งตลาดแอฟริกา

โดย panwilai_c

8 พ.ค. 2567

103 views

ความชัดเจนจากองค์การคลังสินค้า หรือ อคส.เกี่ยวกับการเปิดประมูลขายข้าวล็อตสุดท้ายในโครงการรับจำนำตั้งแต่สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยอคส.เตรียมเปิดประมูลข้าวในสต็อกโครงการรับจำนำข้าว กลางเดือน พฤษภาคมนี้ หลังการลงพื้นที่ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่าข้าวมีสภาพกินได้ และการส่งออกต้องนำไปปรับปรุงก่อนขายผู้บริโภคโดยข้าวเก่าเป็นที่ต้องการของตลาดแอฟริกาไม่ใช่ตลาดคนไทย จึงเชื่อว่าจะวนขายคนไทยได้ยาก



นายกฤษณรักษ์ ใจดี รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า หรือ อคส. ในฐานะรักษาการ ผอ.อคส. เปิดเผยว่า หลังจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงพาณิชย์ ได้ไปตรวจสอบข้าวในสต็อกโครงการรับจำนำข้าว ที่โกดัง 2 แห่ง ในจ.สุรินทร์ และได้ทำการพิสูจน์ กินข้าว พบว่าข้าวยังสามารถกินได้



โดยมีเจ้าของโรงสี ผู้ส่งออก และสื่อมวลชน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี ต้องการสร้างความมั่นใจเพื่อไม่ให้เกิดข้อกังขา ว่าจำนวนข้าวมีอยู่ตรงตามที่แจ้งไว้ และตรงตามประเทศที่เก็บรักษาคือเป็นข้าวหอมมะลิ 100 % ไม่มีการสอดไส้ข้าวอื่นในกองข้าว



โดยมีการให้เซอร์เวย์เยอร์ สุ่มตรวจลึกไป 15 ชั้น และผลการตรวจสอบก็พบว่าข้าวมีสภาพที่กินได้ จึงพร้อมที่จะเตรียมเปิดประมูลข้าวทั้ง 2 โกดัง จำนวน 15,000 ตัน เป็นการขายทั่วไปเพื่อบริโภคและส่งออก ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายนนี้



สำหรับขั้นตอนการเปิดประมูล คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน นับจากวันประกาศประมูล จะให้เวลา 5 วันสำหรับผู้สนใจประมูลไปตรวจสอบข้าวในโกดังอีกครั้ง ก่อนให้ยื่นซองประมูล และประกาศรายชื่อก่อนการเซ็นต์สัญญา ซึ่งผู้ชนะการประมูลเป็นผู้ที่เสนอราคาสูงสุด ก็จะหมดขั้นตอนของ อคส. โดยหลังจากนั้นผู้ประมูลก็จะนำไปขาย จากข้อมูลเดิมข้าวเก่าจะเป็นที่สนใจของตลาดแอฟริกา คาดว่าจะนำไปส่งออกไม่ขายให้คนไทยเพราะคนไทยไม่กินข้าวเก่า และเชื่อว่าจะนำมาวนขายได้ยากเพราะในการขายจะต้องติดสลากด้วย



รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องเก็บข้าวไว้นานถึง 10 ปี เพราะมีปัญหาการระบายข้าว หลังข้าวล็อตนี้เคยมีการประมูลไปแล้วเมื่อปี 2563 แต่ผู้ประมูลไม่มารับมอบข้าวตามสัญญา เพราะราคาข้าวตกและมีสถานการณ์โควิด ทำให้ในปี 2566 อคส.ได้ยื่นฟ้องผู้ประมูล และเริ่มจะเปิดประมูลใหม่ จนกระทั่งเปลี่ยนรัฐบาล จึงนำเสนอรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ระบายข้าวในสต็อก เพราะที่ผ่านมา อคส.แบกรับค่าเช่าโกดังและค่าบำรุงรักษา เดือนละ 380,000 บาท หรือประมาณปีละ 5 ล้านบาท ผ่านมา ปี เสียค่าใช้จ่ายไปกว่า 50 ล้านบาท หากยังขายไม่ได้ ก็จะเสียงบประมาณส่วนนี้ไปเรื่อยๆ



รักษาการผู้อำนวยการ อคส.เปิดเผยว่า ในส่วนของ อคส.ได้ระบายข้าวในสต็อครับจำนำข้าวของรัฐบาล ซึ่งมี 6 โครงการ ตั้งแต่โครงการปี 2551/2552 และโครงการปี 2552 ในรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 4 โครงการ ตั้งแต่ปี 2554-2557 มีข้าวในสต็อกทั้งหมดกว่า 13 ล้าน 8 แสน 9 หมื่น 8 พันตัน ระบายไปแล้ว 44 ครั้ง ขายทั่วไป 26 ครั้ง ขายอุตสาหกรรม 4 ครั้ง และบริจาคประเทศโมซัมบิค 1 ครั้ง ได้งบประมาณคืนรัฐแล้ว 105,000 ล้านบาท



ส่วนที่เหลือยังอยู่ในคดีที่อคส.มีการฟ้องร้องคลังสินค้า ในคดีอาญา 897 คดี เป็นคดีที่สิ้นสุดไปแล้ว โดยอัยการไม่ฟ้อง 99 คดี อยู่ระหว่างการพิจารณา 233 คดี มูลค่าความเสียหาย 148,600 ล้านบาท ส่วนคดีที่ฟ้องในศาลปกครองมี 246 คดี มูลค่าความเสียหาย 376,300 ล้านบาท รวม 495,300 ล้านบาท



ซึ่งทั้งหมดยังไม่ได้คืน เพราะต้องรอให้การพิจารณาคดีเป็นอันที่สุด ผ่านมา 10 ปี ในขณะที่โครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์​ ตั้งแต่ปี 2554-2557 มีการใช้เงินผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือ ธกส.ในการจำนำข้าวเปลือก 54.35 ล้านตัน ค่าใช้จ่ายกว่า 9 แสน 8 หมื่น 5 พันล้านบาท ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการระบายข้าวนำเงินจ่ายคืนหนี้ให้ธ.ก.ส. จำนวน 371,280 ล้านบาท และตั้งงบประมาณใช้หนี้อีก 289,304.73 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 660,584.78 ล้านบาท



ส่วนภาระหนี้ที่ค้างชำระที่รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณจ่ายคืนหนี้ให้กับ ธ.ก.ส. ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ยังคงเหลือ ท 246,675.61 ล้านบาท 



ส่วนกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำทีมไปกินข้าว 10 ปี เพื่อพิสูจน์ว่าข้าวยังกินได้ จนมีประเด็นเชื่อมโยงไปที่ก่อนหน้านี้มีการนำข้าวในโครงการจำนำข้าวไปขาย แล้วบอกว่าเป็นข้าวเน่า ล่าสุดนายภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์ว่าขอให้เอาสติมาคุยกัน



นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสซาวข้าว 15 น้ำ หลังเดินทางไปทดลองรับประทานข้าวในโครงการรับจำนำข้าวที่ จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา



โดยนายภูมิธรรมระบุว่า ประเด็นการจะซาวข้าวกี่ครั้งขึ้นอยู่กับตัวผู้บริโภค เพราะข้าวแต่ละถุงมีฝุ่นอยู่ต่างกัน ขอแค่ซาวให้สะอาด ดังนั้นนี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ที่นายภูมิธรรมต้องการจะสื่อ คือ ในฐานะที่กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดูแลข้าว ซึ่งเจ้าของโกดังต้องการความชัดเจนในการบริหารจัดการ เนื่องจากข้าวอยู่ที่เดิมมา 10 ปีแล้ว จึงมาดำเนินการให้เสร็จสิ้น และพิสูจน์ด้วยการชิมข้าว



นายภูมิธรรม ย้ำว่า ข้าวล็อตนี้คิดว่าไม่น่ามีปัญหา คนจะมาซื้อก็ต้องตรวจอีกที วันนี้นำไปขายได้ ไม่ต้องกลัว และส่วนตัวไม่ได้นำเรื่องนี้ไปทำลายชื่อเสียงประเทศ จึงขอว่าอย่านำมาเป็นเรื่องดรามา ผู้สื่อข่าวถามว่า มีดรามาว่ารัฐบาลกำลังฟอกข้าวให้กับคดีรับจำนำข้าว นายภูมิธรรม กล่าวว่า แล้วแต่จะคิด ท่านใดมีความพึงพอใจที่จะคิด ใช้จินตนาการก็คิดไป ส่วนตัวมีหน้าที่แก้ปัญหาก็มาแก้



ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พูดถึงกรณีที่นายภูมิธรรม ออกมารับคำท้าหุงข้าวที่เก็บในโกดัง 10 ปีให้ครม.กิน ว่า



"ขอให้ทำจริง ให้สื่อมวลชน ให้คนกลางมาร่วมดูด้วย เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่เป็นการสร้างภาพเอาข้าวทั่วไปที่อื่นมาหุงให้รัฐมนตรีกิน"



นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า "คนที่เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ คิดได้แค่นี้อย่าเป็นดีกว่า ไม่มีสมองคิดปกป้องประชาชนในเรื่องสุขภาพ อนามัย คิดตามธงอย่างเดียว โดยไม่พูดถึงมาตรฐานของข้าว จึงบ่งบอกได้ว่ารัฐบาลนี้ไร้คุณภาพโดยสิ้นเชิง"



และ "เรื่องนี้ต้องใช้จินตนาการ เพราะทุกคนเห็นภาพที่ออกมาก็เป็นห่วงประชาชน หากมีการเอาข้าวเก่าที่บริโภคไม่ได้เอาไปขายเข้าสู่ตลาดก็เสียหายทั้งตลาดข้าว ทั้งประชาชน"



ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเรื่องคุณค่าทางอาหารของข้าว เพราะถือเป็นเรื่องใหม่ แต่เท่าที่ทราบ ในการเก็บข้าวแต่ละโกดัง มีสภาพแวดล้อมและอุณหภูมิที่แตกต่างกัน อาจทำให้ค่าความชื้นของข้าวเปลี่ยนแปลงไปตามภูมิศาสตร์



โดยค่าปกติข้าวที่เก็บใหม่ๆ มีค่าความชื้นร้อยละ 35 แต่ข้าวที่เก็บ 10 ปีคาดว่า ค่าความชื้นจะเหลืออยู่ที่ 1 หรือ 2% เท่านั้น ดังนั้นหากมีข้อสงสัยก็สามารถเก็บตัวอย่างมาส่งตรวจ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ โดยจะใช้เวลาตรวจ 7 วัน จึงจะทราบผล

คุณอาจสนใจ

Related News